
ในปีนี้ 2021 เริ่มทศวรรษใหม่ เราจะเห็นได้ว่ารอบตัวเรามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การทำงานของเราเปลี่ยนไป ทำให้บริษัทและโรงงานต่างๆ ต้องปรับระบบการทำงาน ให้ทำงานที่บ้านมากขึ้น หรือ ใช้หุ่นยนต์หรือระบบ AI มาใช้ในการทำงาน อนาคตต่อจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
การมาของเทคโนโลยีและการมีโควิด-19 ที่ช่วยกระตุ้น จะมาปรับเปลี่ยนและ Disrupt ระบบเก่าค่อนข้างจะเร็วกว่าปกติ การทำงานจะเปลี่ยนไป งานบางอย่างจะถูกแทนด้วยระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีเช่นเดียวกับในอดีตงานในอดีตที่หายไป เช่นการถ่ายรูปในอดีตที่ใช้ฟิล์ม มีร้านรับอัดฟิล์มเป็นรูป ซึ่งปัจจุบันการมาของกล้องดิจิตอลและโทรศัพท์มือถือ ทำให้ธุรกิจฟิล์มถ่ายรูปหายไป อีกตัวอย่าง 2-3 ปีที่แล้ว CO-working Space กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่เฉพาะในห้างที่มีบริเวณให้ทำงาน ยังมีการเปิดในรูปแบบของตึกแถวหรืออาคารสำหรับโคเวิร์คกิ้งสเปซ จากที่กำลังจะบูม เมื่อโควิด-19 ระบาด รูปแบบในธุรกิจแบบนี้คงเกิดค่อนข้างยากในอนาคต
การทำงานของมนุษย์ทุกคนคงเปลี่ยนไปอย่างมากในช่วง 10 ปีต่อจากนี้ โดยเฉพาะอาจถูกทดแทนด้วย ระบบอัตโนมัติ(automation), หุ่นยนต์, การทำงานแบบรีโมท, การทำงานที่บ้าน(Work from Home) หรือ การแบ่งงานออกไปให้คนอื่นทำแบบ outsourcing
โดยในบทความนี้มาจาก Future Of Work ลักษณะงานที่น่าจะเป็นในปี 2030 จาก https://www.simplilearn.com/future-of-work-article
4 รูปแบบของโลกของธุรกิจในปี 2030
PwC แบ่งรูปแบบธุรกิจโดยแทนที่ด้วยสีต่างๆ เป็นแบ่งแบบใหญ่ได้ 4 โลกธุรกิจ ที่บ่งบอกถึงลักษณะการทำงานและการทำธุรกิจที่ต่างกันของแต่ละสี โดย

1. The Red World – INNOVATION RULES
โลกแห่งการทำงาน “สีแดง” คือโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับธุรกิจขนาดเล็ก ทั้งในด้านการเข้าถึงข้อมูล การพัฒนาทักษะ และการเงิน ซึ่งนั่นหมายถึงว่าการหางานจะยากขึ้น การแข่งขันจะสูงขึ้น แทนคนด้วยระบบคอมพิวเตอร์และ AI การจ้างงานจะไม่ใช่หน้าที่ของ HR ในแต่ละบริษัทอีกต่อไป เพราะธุรกิจจะเลือกให้บริษัทภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญทำงานแทน ดังนั้นคนที่มีทักษะโดดเด่นและหลากหลายเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในโลกแห่งสีแดงที่มีผลตอบแทนสูงได้
2. The Blue World – Corporate is king
โลกแห่งการทำงาน “สีน้ำเงิน” คือโลกของบริษัทข้ามชาติจะเติบโต แข็งแกร่ง และมีอิทธิพลกว่าที่เคยเป็นมา บริษัทจะรักษาส่วนแบ่งกำไรโดยจากขนาดของบริษัทและอิทธิพลต่อผู้บริโภค และขยายไปยังตลาดใหม่ จะเห็นได้โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา บริษัทอแมซอนยิ่งมายิ่งใหญ่ Facebook กับ Google เองก็เช่นกัน ถ้าในประเทศไทยให้นึกถึง CP
3. The Green World – Companies care
โลกแห่งการทำงาน “สีเขียว” คือโลกที่ให้ความสำคัญกับ “ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” โดยในปัจจุบัน ทุกธุรกิจในทุกประเทศต่างหันมาสนใจประเด็นการรักษาสิ่งแวดล้อมและกำจัดมลพิษมากขึ้น ทำให้หลายองค์กรมีการตั้งกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและจริยธรรม เพื่อนำโลกที่น่าอยู่กลับมาสู่ผู้คนนั่นเอง
4. The Yellow World – Humans come first
โลกแห่งการทำงาน “สีเหลือง” คือโลกที่บริษัทและลูกจ้างต่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และพึ่งพาซึ่งกันและกัน โดยลูกจ้างมักจะมองหางานที่มีความยืดหยุ่น มีอิสระ และตอบโจทย์กับความสามารถของตัวเอง เพื่อจะได้อุทิศตนทำงานให้บริษัทได้เต็มที่ ในส่วนของบริษัท เมื่อได้รับงานที่มีประสิทธิภาพตามที่มุ่งหวังแล้ว ก็ย่อมต้องให้ค่าตอบแทนอย่างเหมาะสม เพื่อซื้อใจให้ลูกจ้างดีๆ อยู่กับบริษัทต่อไปอีกเนิ่นนาน
แล้วคุณคิดว่าตอนนี้โลกในการทำงานในปี 2021 เป็นแบบไหนมากที่สุด?
สถานที่ทำงานในปี 2030
เมื่อเทรนด์และรูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป สภาพแวดล้อมการทำงานย่อมเปลี่ยนตาม และนี่ก็เป็นตัวอย่างบางส่วนของสภาพแวดล้อมการทำงานที่น่าจะเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้านี้
- ผู้คนจะสามารถ กำหนดสถานที่และสภาพแวดล้อมการทำงานได้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องมานั่งทำงานรวมกัน แต่สามารถแยกย้ายกันไปทำงานคนละที่ โดยยังได้งานที่ดีและมีคุณภาพได้
- ธุรกิจขนาดเล็กจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่ละธุรกิจจะเริ่มรวมตัวหรือสร้างพาร์ทเนอร์ในการทำงานชิ้นนึง โดยไม่ต้องสร้างเป็นบริษัทขนาดใหญ่
- เรื่องลำดับขั้นและความอาวุโสในบริษัทจะถูกลดทอนความสำคัญลง
- ห้องพักผ่อน ห้องเล่นเกม ดนตรีบำบัด และพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง จะถูกเพิ่มเข้ามาในออฟฟิศ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีและทำให้คนทำงานมีความผ่อนคลายมากขึ้น
- อุปกรณ์เทคโนโลยีและฟีเจอร์อำนวยความสะดวกต่างๆ และมีอุปกรณ์สวมใส่ที่แสดงให้เรารู้ว่าควรทำงานชั้นไหน ประชุมกับใคร การที่มีโต๊ะทำงานประจำจะหมดความจำเป็นลง
- ระบบการทำงานแบบออนไลน์ทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลและการแชร์ไอเดียเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็สามารถติดต่อสื่อสารและเชื่อมถึงคนที่อยู่ห่างไกลได้อย่างไร้กังวล โดยปัจจุบันก็มีการประชุมผ่านระบบ Zoom หรือ ไมโครซอฟทีม
- ระบบ AR และ VR จะมีส่วนสำคัญกับการประชุมในอนาคต โดย Facebook เปิดตัว Infinite Office คุณสมบัติใหม่ สร้างพื้นที่สำนักงานเสมือนจริง โดยที่ยังสามารถทำงานของตัวเองได้ด้วยผ่านแว่น VR จากวิดีโอเปิดตัว พบว่าผู้ใช้งานสวมแว่นและทำงานของตัวเองบน Infinite Office ได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถมองเห็นสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจริงรอบตัว
เมกะเทรนต์กับลักษณะงานปี 2030
จากข้อมูลของการวิจัย Pearson แนวโน้ม job role ในปี 2030 เป็นดังนี้
- มีงานที่ทำในตอนนี้เหลือเพียง 1 ใน 5 งานที่เหลือจะหายไปในอนาคต
- งานที่เกี่ยวกับการเกษตร ค้าขาย และก่อสร้างจะมีแนวโน้มงานลดลง แต่ก็มีโอกาสที่มาขึ้นผ่านการพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีและความชำนาญ
- ในงานที่เกี่ยวกับการศึกษาและการดูแลสุขภาพ (healthcare) มีแนวโน้มเพียงแค่ 1 ใน 10 ของแรงงานที่จะมีโอกาสโต
- Pearson ยังทำนายอีกว่า 7 ใน 10 ของแรงงานจะเผชิญความไม่แน่นอนในอาชีพในอนาคต
- มีทักษะที่มีความต้องการที่สูงในตลาดแรงงานในอนาต ต้องมีความสามารถขั้นสูง
- ทักษะความรู้ความเข้าใจ(cognitive skill) ได้แก่ ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน, ทักษะที่เป็นต้นฉบับไม่ลอกเลียนแบบใคร, การมีไอเดียที่หลากหลาย, การคิดเชิงวิเคราะห์ และ การวิเคราะห์เชิงปริมาณ
- ทักษะทางสังคมและอารมณ์ ได้แก่ การสื่อสารขั้นสูง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
- ทักษะทางเทคโลโนยี ได้แก่ ความสามารถทาง IT การวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น
งานที่จะเป็นที่นิยมในปี 2030
Virtual Store Sherpa – อาชีพบริการลูกค้าผ่านทางออนไลน์หรือ Virtual คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ
Personal Data Broker – อาชีพนายหน้าที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าเงินลงทุนที่เสียไป จะถูกเปลี่ยนเป็นผลกำไรอย่างงาม
Personal Data Broker– เป็นนายหน้าซื้อขายหุ้นหรือดัชนีสินค้าต่างๆ โดยเป็นส่วนบุคคล
Augmented Reality Journey Builder – Augmented Reality หรือ AR คือการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือน ด้วยการใช้ระบบซอฟต์แวร์หรืออุปกรณ์เชื่อมต่างๆ โดยอาชีพนี้ต้องทำงานร่วมกับวิศวกรและศิลปินด้านเทคนิคเพื่อพัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
Highway Controller – อาชีพจัดระบบการจราจร ทั้งบนถนนและในอากาศเพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้ผู้ใช้ยานพาหนะ
Body part maker – อาชีพที่จะดูแลเรื่องสรีระและอวัยวะในร่างกายให้กับเหล่านักกีฬาและทหาร
Nano-medic – อาชีพที่มีการนำนาโนเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยหากในอนาคตวิทยาการนี้ถูกนำมาต่อยอดและพัฒนาไป ผู้ป่วยก็จะมีความหวังในการหายจากโรคร้ายมากยิ่งขึ้น
GM/Recombinant farmer – อาชีพที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับการทำเกษตรและปศุสัตว์
Space pilots, tour guides, and architects– เป็นนักบินอวกาศ ดูแลและเป็นไกด์ทัวร์กับผู้โดยสารที่เดินทางไปนอกโลก
อาชีพที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุ
แต่ละประเทศเริ่มเข้าสู่ “สังคมสูงวัย” โดยเฉพาะประเทศไทยได้เข้าสู้สังคมผู้สูงอายุโดยตรงแล้ว คือมี “คนแก่” อายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศและ ภายในปี 2030 (หรือ พ.ศ. 2573) นี้ ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้สูงอายุที่ 60 ปีขึ้นไปรวมแล้วมากกว่า 1 ใน 4 ของประเทศ
อาชีพเกี่ยวกับการแพทย์ การพยาบาล และการดูแลผู้ป่วยก็ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยการดูแลที่ว่านี้ไม่ใช่เพียงแต่การรักษาอาการทางกาย แต่รวมไปถึงการดูแลจิตใจให้แข็งแกร่ง ความทรงจำ ซึ่งทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆ ในอีกไม่กี่ปีนี้ ซึ่งถ้าเราเข้าใจและรู้แนวโน้มในอนาคตก็จะเป็นโอกาสที่ดีทั้งในแง่ธุรกิจและอาชีพการงาน
Personal Memory Curator – อาชีพผู้ดูแลความทรงจำ อาชีพนี้มักจะทำงานกับผู้สูงอายุ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมเหมือนจริงและประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อลดความเครียดจากการสูญเสียความทรงจำ
Elderly wellness consultant – อาชีพที่จะคอยให้คำแนะนำและคำปรึกษาด้านสุขภาพทั้งทางกายและทางใจกับผู้สูงวัย
Memory augmentation surgeon – อาชีพศัลยแพทย์ผ่าตัดขยายความทรงจำ เพื่อช่วยรักษาและพัฒนาความทรงจำในกลุ่มประชากรผู้สูงอายุ