ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันอังคาร (17 มี.ค.) แถลงแผนส่งเงินถึงมือพลเมืองอเมริกาในทันที เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจอันเนื่องจากวิกฤตโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ พร้อมย้ำเรียกโควิด-19 ในชื่อ “ไวรัสจีน” แม้มีเสียงประท้วงดุเดือดมาจากปักกิ่ง โหมกระพือสงครามน้ำลายรอบใหม่ระหว่างสองชาติ
การกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของสหรัฐโดยมาตรการล่าสุดจากทรัมป์ที่ได้รับเสียงฮือฮาที่สุดนั้นคือ การแจกเงินสด ให้ประชาชนคนละ 1,000 เหรียญ (3 หมื่นบาท) อย่างเร่งด่วนภายใน 2 สัปดาห์นี้
สหรัฐยังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ โดยรวมดังนี้
- ภาคธุรกิจสามารถเลื่อนการชำระภาษีเป็นจำนวนเงินมากถึง 10 ล้านเหรียญ
- บุคคลธรรมดาสามารถเลื่อนการชำระภาษีเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านเหรียญ
- รัฐบาลได้อนุมัติให้มีการเลื่อนการชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรสหรัฐคิดเป็นวงเงินรวม 3 แสนล้านเหรียญ
- มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงินอีก 8.5 แสนล้านเหรียญ + 5 หมื่นล้านเหรียญแก่อุตสาหกรรมการบิน
รวมแล้วใช้จ่ายเงินกว่า 1.2 ล้านล้านเหรียญ !
โดยทางทรัมป์เน้นย้ำว่า สหรัฐจะให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้บริษัทต่างๆล้มละลาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการบินที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หนักที่สุด นี่จะเป็นครั้งแรกที่สหรัฐให้มาตรการช่วยเหลือสายการบินนับตั้งแต่ เหตุการณ์ 9/11 เมื่อ 19 ปีก่อน
เมื่อวันอาทิตย์ (15 มี.ค.) ที่ผ่านมา เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0% และเพิ่มการซื้อสินทรัพย์จำนวนมหาศาล แบ่งเป็นการซื้อพันธบัตรรัฐบาลกับตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง มูลค่ารวม 700,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจโดยตรง
ในวันจันทร์ (16 มี.ค.) ทรัมป์ โหมกระพือความขุ่นเคืองจากจีน ด้วยการทวีตข้อความเรียกไวรัสโควิด-19 ว่า “ไวรัสจีน” กระตุ้นให้ทางการปักกิ่งออกมาตอบโต้ โดยบอกว่ามันเป็นการสร้างมลทินให้แก่ประเทศจีน และกล่าวว่ารัฐบาลจีนขอคัดค้านอย่างเต็มที่กับการที่ทรัมป์ใช้ถ้อยคำดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (17 มี.ค.) ทรัมป์ยืนกรานคำพูดของดังกล่าวอีกครั้ง โดยไม่สนใจต่อเสียงประท้วงของจีน “มันมาจากจีน ดังนั้นผมคิดว่ามันจึงถูกต้องที่สุด” ทรัมป์กล่าวระหว่างแถลงข่าว
