Bitcoin (บิทคอยน์) คือสกุลเงินในรูปแบบของดิจิทัล ถูกสร้างขึ้นมาด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ Bitcoin ไม่มีรูปร่างและไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญเงินบาท บิตคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่เป็นส่วนกลาง หรือ cryptocurrency ทำงานโดยไม่ต้องใช้หน่วยงานกลางหรือรัฐบาล(decentralized) การทำธุรกรรมจัดการและบิตคอยน์ถูกสร้างขึ้นผ่านเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ผ่านกระบวนการที่เรียกว่าการทำเหมือง การทำธุรกรรมของบิตคอยน์ถูกบันทึกในบัญชีแสดงรายการสาธารณะที่รู้จักกันในนามของ blockchain มันถูกออกแบบสำหรับการทำธุรกรรมแบบ peer-to-peer และเป็นที่รู้จักด้วยความเป็นปริศนา ความโปร่งใสและการจำกัดจำนวนที่ 21 ล้านบิตคอยน์ ในขณะที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ ความผันผวนของราคาของบิตคอยน์ทำให้มันเป็นสินทรัพย์ที่เสี่ยง มาทำความเข้าใจบิทคอยน์กัน
เรื่องต่างๆของบิทคอยน์
บิตคอยน์ คือสกุลเงินดิจิตอลหรือเสมือนจริง ที่ถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกโดยบุคคล (หรือกลุ่ม) ที่รู้จักกันในชื่อ Satoshi Nakamoto ในปี 2008 ไม่เหมือนสกุลเงินดั้งเดิม บิตคอยน์ทำงานบนเครือข่ายที่ไม่มีส่วนกลางโดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่าบล็อกเชน ซึ่งรายละเอียดดังนี้
1 การเป็นที่ไม่มีส่วนกลาง(Decentralization): หนึ่งในลักษณะพื้นฐานของบิตคอยน์คือมันเป็นที่ไม่มีส่วนกลาง นั่นหมายความว่าไม่มีหน่วยงานเดียวที่มีอำนาจควบคุม เช่น รัฐบาลหรือสถาบันการเงิน การทำธุรกรรมของบิตคอยน์ได้รับการประมวลผลบนเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นของบุคคลและบริษัททั่วโลก เรียกว่าโหนด
2. เทคโนโลยีบล็อกเชน(Blockchain Technology): ฟังก์ชันของบิตคอยน์ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีบล็อกเชน บล็อกเชนคือประเภทของบัญชีแสดงรายการที่แจกจ่ายที่บันทึกการทำธุรกรรมทั้งหมดในเครือข่ายอย่างโปร่งใสและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ‘บล็อก’ แต่ละอันประกอบด้วยรายการของการทำธุรกรรมและถูกเพิ่มเข้าไปใน ‘เชน’ ตามลำดับเชิงเส้น เชิงเวลา ความโปร่งใสของระบบนี้ทำให้การตรวจสอบการทำธุรกรรมได้ง่าย และความไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทำให้แน่ใจว่าเมื่อการทำธุรกรรมถูกบันทึกแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลบออกได้
3. การทำเหมืองบิตคอยน์(Bitcoin Mining): บิตคอยน์ใหม่ถูกสร้างขึ้นผ่านกระบวนการที่เรียกว่าการทำเหมือง ในการทำเหมืองบิตคอยน์นั้นนักทำเหมืองใช้คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน เมื่อปัญหาถูกแก้แล้ว นักทำเหมืองจะเพิ่มบล็อกใหม่ของการทำธุรกรรมที่ได้รับการตรวจสอบเข้าไปในบล็อกเชนและได้รับรางวัลเป็นบิตคอยน์จำนวนหนึ่ง สิ่งนี้ไม่เพียงแต่สร้างบิตคอยน์ใหม่ แต่ยังรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายและตรวจสอบการทำธุรกรรม
4. ปกปิดตัวตน(Pseudonymity): ในขณะที่การทำธุรกรรมของบิตคอยน์เป็นแบบโปร่งใสและสามารถตามรอยได้ผ่านบล็อกเชน ผู้ใช้จะถูกระบุตามที่อยู่ที่เป็นตัวอักษรและตัวเลขแทนข้อมูลส่วนตัว สิ่งนี้ให้ความเป็นส่วนตัวได้ในระดับหนึ่ง แต่สำคัญที่ต้องทราบว่ามันเป็นการปกปิดตัวตนไม่ใช่การซ่อนตัว
5. จำนวนจำกัด(Finite Supply): จำนวนของบิตคอยน์จำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ความขาดแคลนนี้ถูกสร้างขึ้นในระบบโดย Nakamoto เพื่อให้บิตคอยน์มีคุณสมบัติต้านอัตราเงินเฟ้อ ถึงตอนนี้ ส่วนใหญ่ของบิตคอยน์ได้ถูกทำเหมืองแล้ว และโดยประมาณบิตคอยน์สุดท้ายจะถูกทำเหมืองในปี 2140
6. ความเป็นเจ้าของ: การเป็นเจ้าของบิตคอยน์หมายความว่าคุณมีคีย์ดิจิตอลเพื่อเข้าถึง บิตคอยน์ถูกเก็บอยู่ในกระเป๋าเงินดิจิตอล ซึ่งอาจเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ แอปมือถือ หรือแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อป กระเป๋าเงินสร้างคู่ของคีย์ทางคณิตศาสตร์: คีย์สาธารณะ ซึ่งเหมือนที่อยู่ที่คนอื่นสามารถส่งบิตคอยน์ไปได้ และคีย์ส่วนตัว ซึ่งใช้ในการเซ็นต์การทำธุรกรรมและเข้าถึงบิตคอยน์ มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรักษาคีย์ส่วนตัวให้ปลอดภัยเนื่องจากผู้ใดที่สามารถเข้าถึงมันสามารถเข้าถึงบิตคอยน์ที่เชื่อมโยงกันได้
7. ประโยชน์: บิตคอยน์สามารถใช้ได้หลากหลายวิธี: ในฐานะที่เก็บมูลค่า (ทองคำดิจิตอล) สื่อการแลกเปลี่ยนเพื่อซื้อสินค้าและบริการที่ยอมรับ หรือสำหรับการลงทุน บิตคอยน์ยังได้รับความนิยมสำหรับการโอนเงิน ซึ่งช่วยให้สามารถโอนมูลค่าข้ามพรมแดนได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ทำให้มันเร็วและถูกกว่าวิธีดั้งเดิม
ข้อมูลสำคัญที่ต้องเข้าใจคือการลงทุนในบิตคอยน์มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของราคา ควรทำการวิจัยเอง เข้าใจเทคโนโลยีและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และพิจารณาสถานการณ์ทางการเงินและความสามารถในการทนทานความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุน.
การลงทุนในบิตคอยน์
การลงทุนในบิตคอยน์จะเกี่ยวข้องกับการซื้อและถือสินทรัพย์ดิจิตอลนี้ด้วยความคาดหวังว่ามูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นในอนาคต กลยุทธ์การลงทุนนี้จำเป็นต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับการทำงานของบิตคอยน์ เทคโนโลยีบล็อกเชนที่เป็นฐานความรู้ และความผันผวนของราคาที่เป็นลักษณะเฉพาะ บิตคอยน์สามารถซื้อได้บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอลที่เชื่อถือได้หลายแห่ง ถ้าในประเทศไทยได้แก่ Bitkub หรือต่างประเทศก็ซื้อได้หลายแห่งแต่ที่คนไทยนิยมคือ Binanace โดยใช้สกุลเงินตราสารหรือสกุลเงินดิจิตอลอื่น ๆ หลังจากที่ได้ซื้อมาแล้ว ข้อสำคัญคือคุณต้องเก็บบิตคอยน์ของคุณไว้ในกระเป๋าเงินดิจิตอลอย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันภัยคุกคามด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์หรือไว้ที่ Bitkub กลยุทธ์การลงทุนมีความหลากหลายและอาจรวมถึงวิธีการระยะยาวเช่น ‘ซื้อและถือ’ หรือ ‘การลงทุนตามค่าเฉลี่ยของดอลลาร์’ ด้วยความผันผวนของราคาบิตคอยน์ที่สูง นักลงทุนควรเตรียมพร้อมสำหรับการแกว่งขึ้นลงอย่างมากของมูลค่าของผลตอบแทนที่ลงทุน การลงทุนในบิตคอยน์ยังมีความเสี่ยงสูงและควรกระทำอย่างระมัดระวัง
การลงทุนในบิตคอยน์เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อนัั้น ซื้อสกุลเงินดิจิตอลด้วยความคาดหวังว่ามูลค่าของมันจะรักษาหรือเพิ่มขึ้นแม้ว่าพลังซื้อของสกุลเงินแบบดั้งเดิมจะลดลง ทฤษฎีคือบิตคอยน์ที่มีจำนวนจำกัด 21 ล้านเหรียญ จะเลียนแบบสินค้าแบบทองคำในการต้านทานต่อภาวะเงินเฟ้อ เมื่อรัฐบาลทั่วโลกเพิ่มการจัดหาเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเวลาที่เกิดวิกฤติ ภาวะเงินเฟ้อมักจะปรากฏตามมา ความขาดแคลนของบิตคอยน์ในสถานการณ์เช่นนี้ทำให้มันมีตำแหน่งเป็น “ทองคำดิจิตอล” หรือสินทรัพย์สำรองมูลค่า
อย่างไรก็ตาม มันจำเป็นต้องเข้าใจว่าความผันผวนของบิตคอยน์หมายความว่ามูลค่าของมันสามารถแกว่งขึ้นลงอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ไม่ว่าจะมีศักยภาพเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ป้องกันภาวะเงินเฟ้อ นักลงทุนต้องทำการวิจัยอย่างละเอียด ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดของบิตคอยน์และประเมินความสามารถในการทนทานความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุน
ใส่ความเห็น