นายโจ ไบเดน (Joe Biden) วัย 78 ปี ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ในปีนี้ มีโอกาสที่จะเป็นประธานธิบดีสหรัฐอย่างมาก โดยไบเดนถือเป็นผู้ที่อยู่ในวงการเมืองสหรัฐฯ มายาวนาน และเคยดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐเดลาแวร์ กว่า 30 ปี ก่อนที่จะได้รับเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 บารัค โอบามา
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2020 เป็นวันเลือกตั้งอเมริกา แต่มีปัญหาเรื่องการนับคะแนน จนวันนี้ 7 พฤศจิกายนแม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ยอมแพ้ยังฟ้องศาลอยู่ แต่คะแนนไบเดนสามารถรวบรวมคะแนน Delegates ได้เกิน 270 คะแนนไปแล้ว โดยรัฐใหม่ที่ Biden เพิ่งได้รับผลคะแนนแซง Trump นั้นคือ เพนซิลเวเนีย ทำให้ได้รับคะแนน Delegates เพิ่มอีก 20 คะแนน กลายมาเป็น 284 คะแนนในทันที ทำให้ Biden มีสถานะเป็นผู้ชนะอย่างไม่เป็นทางการ ทำให้เขากลายเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีอายุมากที่สุดในสหรัฐฯในทันที
โจ ไบเดน ได้รับคะแนนมหาชน หรือ Popular Votes รวม 74,478,345 เสียง หรือ 50.5% แซงหน้าสถิติเดิมของ บารัก โอบามา (69.49 ล้านเสียง)
โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับคะแนนมหาชน หรือ Popular Votes 70,329,979 เสียง หรือคิดเป็น 47.7%
แม้ว่าโควิด-19 จะคร่าวชีวิตคนอเมริกากว่า 2 แสนรายไปแล้วทำให้โดนัลด์ ทรัมป์จะที่มีแนวโน้มชนะขาดลอยจากผลงานด้านเศรษฐกิจ กลับต้องพ่ายแพ้แก่โจ ไบเดน ต้องดูว่าหลังจากไบเดนขึ้นเป็นประธานาธิบดีอาจจะมีการล๊อคดาวน์อย่างหนักหรือไม่ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีโอกาสในการชนะจากการตัดสินของศาลหรือไม่ ยังเป็นเกมส์อีกยาว โดยในเดือนธันวาคม คณะผู้เลือกตั้งจะประชุมพร้อมกันในรัฐของตนเองและลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดี กับรองประธานาธิบดีบนบัตรเลือกตั้งที่แยกกัน ในปีนี้กำหนดให้เป็นวันที่ 14 ธันวาคมและที่สำคัญการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 มกราคม ที่ประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกจะเข้าพิธีสาบานตนและดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ประวัติ โจ ไบเดน
โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดน จูเนียร์ (Joseph Robinette Biden, Jr.) หรือ โจ ไบเดน เกิดที่เมืองสแครนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย 20 พ.ย. 1942 ในวัยเด็กนายไบเดนมีอาการติดอ่าง และมักโดนเพื่อนๆ ล้อเลียนอยู่เสมอ พ่อของนายไบเดนเป็นเซลส์แมนขายรถมือสอง ขณะที่นายไบเดนต้องล้างกระจก และถอนวัชพืชเพื่อหาเงินค่าเทอม ซึ่งนายไบเดนมักให้เครดิตกับครอบครัวที่สอนให้เขาเป็นคนที่อดทนและมีความมุ่งมั่นเสมอมา จนสามารถเรียนจบการศึกษาด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์
ไบเดน ได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ ในสาขาประวัติศาสตร์และการเมืองและพบกับ นีเลีย ฮันเตอร์ (Neilia Hunter) จากนั้นจึงเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ ในสาขานิติศาสตร์ หลังจากจบการศึกษา ไบเดน และฮันเตอร์ แต่งงานกันในที่สุด
ในปี 1968 ไบเดนได้เริ่มทำงานในสำนักงานด้านกฎหมาย และเคลื่อนไหวในนามสมาชิกพรรคเดโมแครต นายไบเดนและนางฮันเตอร์ มีบุตรด้วยกันสามคนคือ ภรรยาคนแรก นีเลีย ฮันเตอร์ (Neilia Hunter) มีลูกด้วยกัน 3 คน ได้แก่ ลูกชาย 2 คน โบ ไบเดน (Beau Biden) และ ฮันเตอร์ ไบเดน (Hunter Biden) และ ลูกสาว 1 คน คือ นาโอมิ คริสตินา ไบเดน (Naomi Christina Biden)
แต่ขณะที่การงานและครอบครัวเริ่มเข้าที่เข้าทาง นายไบเดนกลับต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ ในปี 1972 หนึ่งสัปดาห์ก่อนจะถึงวันคริสต์มาส นางนีเลีย ได้ขับรถพาลูกๆ ทั้งสามไปช็อปปิ้ง แต่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อรถครอบครัวถูกรถบรรทุกชนเข้าอย่างจัง ทำให้ นางนีเลีย ภรรยานายโจ ไบเดน และ เอมี่ ลูกสาวเสียชีวิตคาที่ ขณะที่ลูกชายอีกสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ นายไบเดน คิดฆ่าตัวตาย ซึ่งสิ่งที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้คือการดูแลลูกชายทั้งสองที่ยังบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม โบ ลูกชายผู้รอดชีวิตคนหนึ่งเสียชีวิตด้วยอาการเนื้องอกในสมอง ในวัย 46 ปีในปี 2015 ส่วนลูกชายอีกคน หรือ ฮันเตอร์ ตกเป็นข่าวกรณีอื้อฉาวมากมาย หลังจากนั้น โจ ไบเดน แต่งงานครั้งที่ 2 กับ ดร. จิลล์ ไบเดน มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน คือ แอชลีย์ ไบเดน (Ashley Biden)
ประวัติทางการเมืองของโจ ไบเดน
โจ ไบเดนได้รับเลือกตั้งเป็นส.ว.รัฐเดลาแวร์ สมัยแรกปี 1973 เป็นสมาชิกวุฒิสภาที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐและชนะเลือกตั้งส.ว.อีก 6 สมัย โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งทั้งหมดในปี 1973, 1978, 1984, 1990, 1996 และ 2002 นับว่าเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ครองตำแหน่งมานานที่สุดเป็นอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์และ โจ ไบเดน เป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศมายาวนานและดำรงตำแหน่งประธานของคณะกรรมาธิการศาลยุติธรรมสำหรับสมาชิกวุฒิสภาอีกด้วย
โจ ไบเดน เคยลงสมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครต เพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2531 และ 2551 แต่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งสองครั้ง แต่ในปี 2551 บารัก โอบามา ผู้สมัครที่ได้ตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตตัดสินใจเลือกไบเดน เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเป็นคู่สมัครในการเลือกตั้งปี 2008 และได้รับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดีในสมัย บารัก โอบามา ประธานธิบดีคนที่ 47 ระหว่างปี 2008 ถึง 2016
เรื่องอื้อฉาวของลูกชาย
ฮันเตอร์ ลูกชายไบเดนอีกคนหนึ่ง จะทำให้เกิดข่าวอื้อฉาวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกินเหล้า ใช้ยาเสพติด และการพัวพันกรณีทุจริตกับมหาเศรษฐีด้านพลังงานชาวจีน เขายังเป็นที่มาของกรณีการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย ซึ่ง ฮันเตอร์ ทำงานได้เงินเดือนสูงในยูเครน ซึ่งในเวลาต่อมา มีการกล่าวหาว่านายทรัมป์โทรไปหาประธานาธิบดียูเครน และขอให้เขาช่วยสอบสวนโจ ไบเดน รวมถึงตัวฮันเตอร์ว่าไปพัวพันในข้อหาทุจริตหรือไม่ ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์โดย impeachment และรอดจากการถูกถอดถอนหลังวุฒิสภาลงมติว่า ปธน.สหรัฐฯ ไม่มีความผิด
นโยบายของ โจ ไบเดน
โจ ไบเดน เป็นผู้แทนของพรรคชิงชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2020 แข่งกับโดนัลด์ ทรัมป์ การเลือกตั้งในครั้งนี้ โจ ไบเดน ได้ตำแหน่ง เขาจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ตำแหน่งและประกาศให้ กมลา แฮร์ริส เป็นคู่สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งรองประธานาธิบดี ซี่งมีเชื้อสาย แอฟริกัน-อินเดีย
วิสัยทัศน์-นโยบายต่างประเทศ- ชู “America Must Lead Again” สนับสนุนให้สหรัฐกลับมาเป็นผู้นำโลก
- สำหรับ โรคระบาดโควิด-19 ไบเดนจะเลือกสยบโควิด รักษาชีวิตโครงการตรวจหาเชื้อและติดตามตัวทั่วประเทศ มีแนวโน้มจะ lock-down ประเทศอย่างโหด หยุดภัยโรคร้ายในอเมริกาที่ระบาดหนักที่สุดแห่งนึงในโลก
- สนับสนุนให้สหรัฐมีบทบาทในด้านต่างประเทศ รวมถึงการทหารในตอ.กลาง เพื่อความมั่นคงในภูมิภาค
- สนับสนุนแก้ไขข้อตกลงการค้า สหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา
- สานต่อเจตนารมณ์ของโอบามา ในเรื่องการปฏิรูประบบสาธารณูปโภคและการรักษาพยาบาลที่ทุกคนเข้าถึงได้
- การเพิ่มความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนที่มีรายได้ต่ำ เช่น คนงานโรงงานอุตสาหกรรม โดยปรับอัตราค่าแรงจาก 7.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อชั่วโมง ไปเป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อชั่วโมง
- เพิ่มภาษีนิติบุคคล จาก 21% ไปสู่ 28% อัตราสูงสุดเป็น 39.6% จากเดิมอยู่ที่ 37% และเตรียมเก็บภาษี Capital Gain ในอัตราเดียวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เฉพาะผู้ที่มีรายได้เกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี
- ช่วยการค้าเสรี หยุดสงครามการค้ากับจีน แต่จะบีบจีนโดยการใช้พหุภาคี โดยต้องการให้สหรัฐกลับเข้าไปเป็นสมาชิก CPTPP อีกครั้ง
- เลือกช่วยสิ่งแวดล้อมออกกฎลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน กลับไปเข้าร่วมในความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ “ความตกลงปารีส”
- ยุติการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันในประเทศที่สร้างความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม
- สหรัฐฯ ยังต้องมีบทบาทในการรักษาสันติภาพของโลกและเพื่อรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เอง ซึ่งเป็นนโยบายที่สหรัฐฯ ดำเนินมาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น โดยการรวมกลุ่มกับประเทศยุโรป จะเพิ่มงบประมาณความช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจและทหารแก่ชาติพันธมิตรให้กลับไปอยู่ในระดับปกติโดยเฉพาะพันธมิตรนาโต้
- ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและแผนเศรษฐกิจและสังคมเพื่อสนับสนุนคนกลุ่มน้อย และหัวใจของแผนฟื้นฟูของเขาคือการทุ่มงบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างงานและธุรกิจให้คนกลุ่มน้อย
- ยกเลิกข้อจำกัดเรื่องการสมัครขอรับสถานะผู้ลี้ภัย และยกเลิกข้อห้ามเดินทางเข้าประเทศจากกลุ่มประเทศมุสลิม
โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามาร่วมลงนามถวายความอาลัย ในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2559ณ สถานเอกอัครราชฑูตไทย กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ขอบคุณภาพจาก กระทรวงการต่างประเทศ.
ไบเดน ประกาศให้กมลา แฮร์ริส เป็นคู่สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดี พ.ศ. 2563
ประวัติ กมลา แฮร์ริส
กมลา แฮร์ริส วัย 55 ปี เติบโตจากครอบครัวผู้อพยพ พ่อเป็นชาวจาเมกา แม่เป็นคนอินเดีย ผ่านพ้นการต่อสู้ฝ่าฟันแบบที่คนผิวสีต้องเผชิญในสังคมอเมริกา จนก้าวสู่การเป็นอัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนียที่เป็นผู้หญิงคนแรก จนกระทั่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ
ผู้เชี่ยวชาญการเมืองสหรัฐฯ ยังประเมินว่า นี่กำลังเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของกมลา แฮร์ริส ที่อาจมากกว่าแค่ตำแหน่งรองประธานาธิบดี แต่นี่อาจเป็นประตูสู่การเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอีก 4 ปีข้างหน้าหรืออาจจะแทนไบเดนเป็นประธานธิบดีเลยก็ได้ถ้าสุขภาพไบเดนมีปัญหา
แม้กระทั่งฝ่ายตรงข้ามอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เผยแพร่วิดีโอโจมตีคู่แข่งผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ที่นอกจากจะโจมตีว่า โจ ไบเดนเป็นคนเชื่องช้า และกมลา แฮร์ริสเป็นพวกจอมปลอมแล้ว วิดีโอดังกล่าวยังบอกไว้ชัดเจนว่า โจ ไบเดน จะเป็นเพียงประธานาธิบดีเพื่อเปลี่ยนผ่านและส่งต่อให้กมลา ซึ่งมีแนวคิดซ้ายจัด