Black swan and Gray Rhino 1

หงส์ดำและแรดสีเทา

Xi s warning about black swans and gray rhinos
ที่มาภาพ : https://asia.nikkei.com/Opinion/Nikkei-Editorial/Don-t-ignore-Xi-s-warning-about-black-swans-and-gray-rhinos

ช้าง Elephant

“ช้าง” สำนวนเปรียบเทียบอันหนึ่งที่ได้ยินกันมายาวนานอาจถึง 200 ปี สำนวนภาษาอังกฤษคือ “an elephant in the room” หมายถึงการมีปัญหาหรือการเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากที่เห็นกันชัดเจนแต่ผู้คนไม่ต้องการพูดถึง บางครั้งก็กินความหมายไปถึงการมีอยู่ของปัญหาหรือความเสี่ยงแต่ไม่สังเกตเห็น

The Black Swan

หงส์ดำ Black Swan

“หงส์ดำ” ซึ่งเป็นการเปรียบเปรยที่มาจากหนังสือดังของโลกชื่อ “The Black Swan” (2007) เขียนโดยศาสตราจารย์ทางสถิติและความเสี่ยงชื่อ Nassim Nicholas Taleb

โดยหนังสือนี้จะเปรียบเทียบว่า โลกก่อนหน้านี้เชื่อว่า หงส์ทุกตัวเป็นสีขาว หรือ All Swans Are White แต่ความเชื่อนี้ก็ถูกมาทำลายทีหลัง จนกระทั่งนักเดินเรือชื่อ Willem de Vlamingh พบที่ Swan River ในรัฐออสเตรเลียตะวันตกในปีค.ศ. 1691 การไม่พบหงส์ดำมาก่อน มิได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่ในโลก มันมีอยู่ เพียงแต่เราไม่เคยคาดมาก่อนว่าจะพบมัน ซึ่งก็เปรียบเสมือนกับการเกิดขึ้นของเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวง อย่างไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อยเพราะมีความเป็นไปได้ต่ำมาก

ทฤษฎี Black Swan สิ่งที่เราไม่เคยเจอ ไม่ได้แปลว่าไม่มี เช่นโรคระบาดไม่เคยอยู่ในแผนชีวิตหรือแผนธุรกิจใคร มันถือว่าเป็น Black Swan Event ที่มาโดยไม่มีใครคาดคิดแต่กลับส่งผลใหญ่โตกับทุกชีวิตในทุกทวีปบนโลก

Nassim Nicholas Taleb บอกว่า สิ่งที่จะเข้าข่ายทฤษฎี Black Swan หมายถึง
1. เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
2. เหตุการณ์นั้นมีผลกระทบมหาศาลเมื่อเกิดขึ้น
3. หลังเหตุการณ์นั้น จะมีเหตุผลมาอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

หงส์ดำ Black Swan และ แรดสีเทา Gray Rhino

แรดสีเทา Gray Rhino

แรดสีเทา Economic Forum ในปี2013 นักวิเคราะห์นโยบายและนักเขียนชาวอเมริกันวัย 50 ปี ก็ปล่อยสัตว์อีกตัวหนึ่งออกมาอาละวาด นั่นก็คือแรดสีเทา(Gray Rhino) และต่อมาเขียนเป็นหนังสือชื่อThe Gray Rhino (2016)

การเปรียบเปรยโดยใช้แรดสีเทาก็เพราะตำราบอกว่าแรดมี 2 สีคือขาว(เผือก)และดำ แต่ในความเป็นจริงแล้วแรดทั้งหมดดูคล้ายกันเป็นสีเทาซึ่งตรงกับสิ่งที่เธอต้องการสื่อนั่นก็คือ Gray Rhino เปรียบเสมือนการเกิดขึ้นของเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวง หรือโดยมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงมาก เพียงแต่ผู้รับผิดชอบแยกแยะไม่ออกมองไม่เห็นอาการหรือสัญญาณหรือเห็นแต่คิดว่าไม่สำคัญ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ไวรัสที่อู่ฮั่นที่มีนายแพทย์เปิดเผยข้อมูลการติดเชื้อของไวรัสโดย
นายแพทย์หลี่ส่งข้อความในกลุ่ม WeChat ให้กับเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนแพทย์ ระบุว่า คนงาน 7 คนที่ตลาดอาหารทะเลแห่งหนึ่งในอู่ฮั่นมีอาการป่วยคล้ายกับอาการของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน หรือ ซาร์ส ที่ระบาดในจีนและฮ่องกงเมื่อปี ค.ศ. 2003 ซึ่งต่อมาพบว่าคือเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่
นายแพทย์หลี่ถูกตำรวจจีนควบคุมตัวเมื่อวันที่ 3 มกราคม จากข้อกล่าวหาว่า “ปล่อยข่าวลือผิด ๆ” และถูกบังคับให้เซ็นต์ชื่อยอมรับว่าตนทำผิดกฎหมายและทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม ต่อมาเขาติดเชื้อโคโรนาไวรัสขณะทำการรักษาผู้ป่วย ก่อนจะเสียชีวิตในวันศุกร์ในโรงพยาบาลกลางอู่ฮั่น
ซึ่งทางการอู่ฮั่นไม่ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อาศัยการปิดข่าวทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงไม่นับแค่ประเทศจีนแต่ยังไวรัส Covid-19 ระบาดไปทั่วโลกแล้ว

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิน

เรื่องน่าสนใจคือ ในงานประชุมสำคัญเมื่อต้นปี 2019 ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง กล่าวว่าจีนต้องพยายามเตรียมการรับมือกับ “หงส์ดำ” และตรวจจับสัญญาณจาก “แรดเทา” ให้ได้อย่างรวดเร็วเพื่อเป็นการป้องกัน ใครๆ จะคิดว่าประธานาธิบดีสีพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจในจีน ปัญหาหนี้สินท่วมตัวของบริษัทและเมืองต่างๆของจีนในปัจจุบัน การเก็งกำไรในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ “สงคราม”ที่ต้องต่อสู้ในเรื่องการค้าการเมืองเทคโนโลยี กลับกลายเป็น ไวรัส Covid-19 ไปได้ซึ่งตามทฤษฎีแป๊ะ

ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/647444