
อสังหาฯทุรดหนัก ครึ่งปีแรกยอดขายของตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ติดลบ 12.5% เมื่อแยกตามประเภทที่อยู่อาศัยพบว่าคอนโดมิเนียมยอดขายติดลบ 22%
ผลกระทบมากจาก
1. มาตราการจำกัดสินเชื่อของแบงค์ชาติ LTV ที่ไม่เพียงลุกลามไปยังกลุ่มผู้ซื้อเพื่อลงทุน แต่สะท้อนไปยังเรียลดีมานด์ด้วย
2. เศรษฐกิจไทยทำพิษเงินในกระเป๋าคนซื้อหดหาย รวมถึงภาระหนี้ที่สูงของคนไทย
3. ผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกถูกกดดันด้วยสงครามการค้า 2 ประเทศ จีน-สหรัฐฯประกอบกับเงินบาทแข็งค่า ทำให้ภาคส่งออก และภาคการท่องเที่ยวไทย ไม่สามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจอสังหาฯ คิดเป็น 12-14% ของจีดีพีประเทศ มีการจ้างงานถึง 1 ล้านอัตรา ใช้วัตถุดิบในประเทศถึง 90% ซึ่งมูลค่าเพิ่มตกอยู่ที่คนไทยโดยตรง และทุกการซื้อขายบ้านจะมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นวัสดุตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ สินเชื่อ ทำให้ธุรกิจอสังหาเป็นเหมือนเครื่องจักรในการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้นมาได้
วิธีแก้ไขระยะสั้น ให้เลื่อนมาตราการ LTV ออกไปอีก 1-2 ปี หรือจนกว่าภาวะเศรษฐกิจที่ดีกว่านี้ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบมากต่อธุรกิจ
ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย ระบุว่า ต้องการให้รัฐบาลนำเรื่องของอสังหาริมทรัพย์เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ เพราะที่อยู่อาศัยถือเป็นสิ่งสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และยังเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่งรัฐบาลสามารถช่วยได้ คือ
1. การลดภาษีอสังหาฯ จัดเก็บภาษีการซื้อบ้านเป็นขั้นบันได โดยผู้ที่มีรายได้น้อยที่ซื้อบ้านให้เสียภาษีน้อยที่สุดหรือไม่เสียเลย และเก็บภาษีอัตราเพิ่มขึ้นตามราคาบ้าน เพื่อทำให้ประชาชนสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ถูกลง
2.เป็นตัวกลางในการเจรจาสถาบันการเงินในการคิดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านในอัตราต่ำเพื่อกระตุ้นการซื้อ
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) สะท้อนว่า จากหลายปัจจัยเกี่ยวข้องทำให้บริษัทเตรียมปรับเป้าหมายการดำเนินงานต่างๆ ซึ่งจะมีความชัดเจนในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ โดยเฉพาะแผนเปิดโครงการใหม่ในบางทำเลที่มีความกังวลเรื่องซัพพลาย
อย่างไรก็ตาม ยังมองเห็นปัจจัยบวก นั่นคืออัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในแนวโน้มตํ่า ส่งผลให้ราคาบ้านหรืออัตราผ่อนต่องวดลดลง ตลอดจนสงครามการค้าที่ใกล้ยุติ จึงเชื่อว่าไตรมาสที่ 3-4ตลาดโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ยาแรงสำคัญในการกระตุ้นตลาด อยากฝากความหวังไปยังรัฐบาลชุดใหม่ เร่งนำมาตรการทางภาษีมาประกาศใช้เช่นลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะที่เคยได้ผลดีในอดีต“ง่ายสุดและเร็วที่สุด คือ การนำมาตรการที่เคยใช้ได้ผลในอดีตมาประกาศใช้ เช่น ลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% ให้เหลือ 0.1% พุ่งเป้าไปที่ลดภาระผู้ซื้อ เป็นนโยบายที่ดี และปฏิบัติได้จริง เปรียบเป็นการใช้ยาเดิมรักษาโรคหายแล้วกินซํ้า เพราะตลาดตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลามาลองยาใหม่”