ข้อมูลเจาะลึกแต่ละ Generation จากรายงานเจาะเทรนด์โลก 2020 โดย TCDC ที่ศึกษาว่าแต่ล generation มีแนวคิดและวีถีชีวิตกันอย่างไร
Baby Boomer อายุ 55-73 ปี
ทัศนคติของเบบี้บูมเมอร์ เรื่องอายุควรเป็นเพียงค่ากลาง โดยต้องการให้ โฆษณาต่างๆ ใส่ใจพวกเธอเหมือนประชาชน ทั่วไป โดยไม่ถูกจัดหมวดหมู่ว่าอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่อยากให้ดูเหมือนกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ เป็นเรื่องของคนแก่
เหล่าเบบี้บูมเมอร์ยังคงอยู่ในระดับท็อปเรื่องความมั่งคั่งไปจนถึงช่วงปี 2030 เป็นกลุ่มที่รวยทั้งเงินรวยทั้งเวลา
ธุรกิจที่อยากได้กลุ่มลูกค้า Baby Boomer ต้องออกแบบร้านให้สะดวกสบายกับพวกเขา รวมถึงการออกแบบสินค้าหรือฉลากให้อ่านง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงบริการส่งของอาจส่งไปวางถึงในบ้าน
สรุป Baby Boomer ไม่ถูกมองว่าเป็นคนแก่ อยากดูแลตัวเองได้
GEN X อายุ 44-54 ปี
เป็นเจเนอเรชั่นที่อยู่ตรงกลางระหว่างเบบี้บูมเมอร์ และมิลเลนเนียล แต่เจนเอ็กซ์ก็เป็นตัวแทน ของกลุ่มตลาดที่ทรงพลัง ด้วยจำนวนที่มี มากกว่า 1.4 พันล้านคนทั่วโลก โดยจีนเป็น ประเทศที่มีจำนวนเจนเอ็กซ์มากที่สุดในโลก ตามด้วยอินเดีย อเมริกา บราซิล และ อินโดนีเซีย ทั้งนี้สัดส่วนของเจนเอ็กซ์ต่อ ประชากรทั้งหมดที่สูงสุดพบในประเทศยุโรป ตะวันตก ซึ่งส่งผลต่ออัตราการบริโภคที่มากของเจนนี้ในแถบภูมิภาค
เจนเอ็กซ์เป็นเจนที่ใช้จ่ายมากเมื่อเปรียบเทียบกับเจนอื่น แต่แบรนด์ต่างๆ กลับมองข้ามโอกาสทางธุรกิจสำหรับเจนนี้ไป ซึ่งเจนเอ็กซ์เป็นกลุ่มคนที่มีพลัง ทั้งเรื่องกำลังการใช้จ่าย การดูแลครอบครัว ตลอดจนการมีส่วนร่วมตัดสินใจทางการเมือง นับได้ว่าเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งอย่าง เจนเอ็กซ์นั้นเป็นเจนที่ใช้จ่ายมากที่สุด ใช้เวลาออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน หรือ ใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง รายงานของ US Department of Labor เผยว่าเจนนี้สร้างรายได้ ให้กับร้านอาหารมากถึง 23% โดยเฉลี่ยพวก เขาออกไปกินข้าวนอกบ้านมากถึง 8 ครั้ง/ เดือน แต่ละครั้งใช้จ่ายเฉลี่ยที่ 123 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,900 บาท) ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว เจนนี้ตัดสินใจเดินทางแต่ละทริปจากรีวิวและข้อมูลที่ได้รับจากธุรกิจต่างๆ ระหว่างขั้นตอน การวางแผน ด้านที่อยู่อาศัยการหาที่ใหญ่หน่อยสำหรับอยู่ได้ทั้งครอบครัวที่มีหลายเจนเนอเรชั่นโดยเฉพาะทางเอเชีย
เจนเอ็กซ์เข้าสู่ช่วงวัยกลางคนและก้าวขึ้นสู่ จุดสูงสุดของหน้าที่การงาน มีอำนาจและพลังในการตัดสินใจ คนกลุ่มนี้จึงเป็นโอกาสมหาศาลของเหล่านักการตลาด ที่สามารถกำหนดให้เป็นกลุ่มเป้าหมายที่รักครอบครัว สนใจนวัตกรรมสินค้าและบริการที่ช่วย ประหยัดเวลา เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพ ความเป็นอยู่ และผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอย
ในเรื่องทัศนคติ ความเท่ ที่มาจากสมัยพวกเขายังเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว ทั้งแฟชั่นและเพลงที่ยังคงติดความคิดมาแม้จะผ่านมานานมากแล้ว ดังนั้นจะเห็นว่าวงเก่าๆในยุคก่อนกลับมาดังได้อีกครั้ง คอนเสิร์ตของศิลปินที่เคยดังขายบัตรหมดได้เร็วมาก
สรุปได้ว่า Gen X ไม่ได้แก่ขึ้น แต่เป็นคนหนุ่มสาวที่มีอายุมากขึ้นเท่านั้นเอง
Millennial มิลเลนเนียล อายุ 23-38 ปี
เจนมิลเลนเนียล หรือ Gen ME ที่ชื่นชอบการทำอะไรตามใจตนเองโดย ไม่ยึดตามกระแสหลัก เป็นมนุษย์ JOMO ซึ่ง มีที่มาจาก Joy of Missing Out สามารถเติม เต็มทุกวันได้แม้ไม่ออกจากบ้าน หรือเสพความบันเทิงในโลกอินเทอร์เน็ต ด้วยการสร้างกิจกรรมเสริมสุขภาวะที่ดีต่อร่างกายและจิตใจ (Wellness) ตั้งแต่การเดลิเวอรี่อาหารดีๆ มารับประทาน การเลือกสรรวิธีปรนนิบัติผิวพรรณ และเพิ่มความบันเทิงจากทีวีหรือรายการโทรทัศน์สตรีมมิง(เท่านี้)พวกเขาก็สามารถใช้เวลาไปกับการพักผ่อนที่ดีที่สุดได้แล้ว
มิลเลนเนียลช่วงอายุปลาย 20 ปี เลือกที่จะลงทุนกับการกู้ยืมหรือผ่อนบ้าน ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่เร็วกว่าเจนเบบี้บูมเมอร์ ซึ่งตัดสินใจซื้อผ่อนบ้านช้ากว่าแม้ในช่วงอายุเดียวกัน ดังนั้นบ้านจึงเป็นการลงทุนที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต เปรียบเสมือนที่พักใจไม่ว่าจะมีพื้นที่มากหรือน้อย หรือแม้แต่เป็นบ้านในลักษณะร่วมอาศัยกับผู้อื่น ก็สามารถให้ความสุขและคลายความเหงาได้เช่นกัน
ชาวมิลเลนเนียลยินดีที่จะจ่ายเงินให้กับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ หรือสร้างโมเมนต์ที่ดีสำหรับโพสต์บนสื่อโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะต้องจ่ายในราคาที่สูงขึ้นหากเทียบกับการซื้อของแบรนด์เนมที่จับต้องได้ ชาวมิลเลนเนียล 72% ยินดีจ่ายเงินให้กับประสบการณ์ที่ยากแก่การเข้าถึง โดยไม่เขินอายที่จะใช้บัตรจนเต็มวงเงินแม้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
สรุป เจนมิลเลนเนียลพร้อมลุย ไม่ว่าทั้งเรื่องชีวิต การทำงาน การลงทุน การใช้ชีวิตในแบบทันสมัยนิยม
Generation Z อายุ 4-24 ปี
ยุคที่ถูกเรียกของเจนซี เกิดมาพร้อมอินเตอร์เน็ตและโซเชี่ยลมีเดียความท้าทายในแต่ละวันมักขึ้นอยู่ กับสถานะทางโซเชียลมีเดีย วัยนี้ใช้เวลาอยู่ในโลกออนไลน์เฉลี่ยยาวนานถึง 9 ชั่วโมงต่อวัน เช็กตลอดเวลา ก็เพราะไม่เช่นนั้นจะรู้สึกไม่ทันโลกและผิดต่อเพื่อนในโลกโซเชียล
ในปี 2020จำนวนของเด็กเจนซีที่เติบโตขึ้นอยู่ที่ราว 40% คิดเป็น 4 พันล้านคน โดยในสหรัฐอเมริกาจะมีจำนวนเจนซี มากถึง 1ใน 3 ของจำนวนเจเนอเรชั่นทั้งหมดนับเป็นจำนวนที่สามารถ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่โลกได้ ซึ่งเจเนอเรชั่นซีคือผู้บริโภคที่ใจกว้างที่สุดใน การตั้งรับกับสิ่งแปลกใหม่ หรือการเปลี่ยนค่านิยมใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม
เจนซีวางแผนการใช้ชีวิตไม่ต่างไปจากชาวมิลเลนเนียลมากนัก โดยเฉพาะการวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นการลงทุนสำหรับชีวิตระยะยาว มักเลือกมองที่อยู่
อาศัยใกล้โรงเรียนและที่ทำงาน เพราะต้องการประหยัดค่าเดินทาง มากกว่าจะคิดเรื่องสภาพแวดล้อมหรือสังคมเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังคิดวิธีการหาเงินตั้งแต่อายุยังน้อย รวมถึงมี ทัศนคติเรื่องการเรียนต่อและทำงานที่ต่างจากเจเนอเรชั่นก่อนๆ ตรงที่เด็กวัยนี้ไม่แยกการ
เรียนและงานออกจากกัน เพราะถือว่าการเรียนคือการเดินทางสู่ชีวิตวัยทำงาน ดังนั้นหากรู้ความชอบของตัวเองในช่วงวัยเรียนก็สามารถลงมือทำงานที่เกี่ยวข้องได้เลย
แม้เจนซีจะเสพติดสื่อโซเชียลแต่ก็นับเป็นเจนที่รู้สึกเหงามากที่สุด เพราะการเติบโตมาพร้อม กับโลกออนไลน์ จึงไม่ถนัดแสดงออกและสื่ออารมณ์กับผู้คนในโลกแห่งความจริง หรือถ้าต้องการแสดงออกก็มักจะเล่นใหญ่ด้วยการแสดงออกอย่างสุดขั้ว อาการ หวาดระแวงและกลัวว่าการกระทำหรือการแสดงออกของตนจะไม่ได้รับความนิยมหรือ ถูกตำหนิจากโลกโซเชียล ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ ยังส่งผลต่อความหวาดระแวงและไม่เชื่อใจใครง่ายๆ ดังนั้นการเลือกเข้าช่องออนไลน์หรือแพลตฟอร์มของเด็กกลุ่มนี้ จึงมักเลือกจากช่องทางที่ให้พื้นที่ส่วนตัว รู้สึกปลอดภัย และสามารถโพสต์รูปหรือเขียนข้อความได้อย่างอิสระโดยไม่ถูกจับผิด
สรุป เจนซี เกิดมาพร้อมอินเตอร์เน็ตและโซเชี่ยลมีเดีย ค่อนข้างเข้าสังคมยาก ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
Generation Alpha อายุแรกเกิดถึง 9 ปี
ในปี 2020 เจเนอชั่นอัลฟาที่โตที่สุดจะมีอายุครบ 10 ขวบ ซึ่งเด็กที่โตขึ้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัลครบครันนี้ จะมองเทคโนโลยีเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน การค้นหา
ความรู้หรือสิ่งแปลกใหม่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวันจนแทบไม่ต้องถามพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ที่คอยให้คำแนะนำ แต่จะเติมเต็มความรู้และค้นหาคำตอบได้เองจากการเปิดอินเทอร์เน็ต ใช้โซเชียลมีเดีย หรือเรียนรู้การสอนทักษะรอบตัวจากยูทูบโดยเจนอัลฟาจำนวน 55% เริ่มใช้แท็บเล็ตเป็นตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบ
อ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่
https://web.tcdc.or.th/media/publication_lang_file/207/TREND_2020_17-09-2019.pdf