แนวทางการจำกัด Covid-19

3687

ปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับหลายๆประเทศ เกี่ยวกับการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส Covid-19 หรือ ไวรัสโคโรน่า ซึ่งเป็น การติดเชื้อแบบทวีคูณ (Exponential Growth) ตัวเลขของผู้ติดเชื้อค่อนข้างน่ากลัว เพราะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เช่นสองเท่า สามเท่า ทุกๆ 3-4 วันเลยทีเดียว

Corona Virus Covid 19 attack worldmap 01

โดยแนวทางที่แต่ละประเทศใช้มีหลักอยู่ 3 แนวทาง

  1. Lockdown เช่นที่ประเทศจีน
  2. Social Distancing ประเทศที่ใช้วิธีนี้ คือ ไทย
  3. Herd Immunity ประเทศที่จะใช้วิธีนี้ ได้แก่ ประเทศอังกฤษ และ เนเธอร์แลนด์

Lockdown

Lockdown ( ล็อคดาวน์ ) จะหมายถึง การห้ามไม่ให้ออกจากที่พัก กักตัวอยู่กับบ้าน สกัดกั้นการเข้า-ออกในเมืองหรือประเทศ การ Lockdown จะมีการกำหนดระยะเวลาตามนโยบายของแต่ละประเทศ และผ่อนปรนเงื่อนไขตามสถานะการณ์ในขณะนั้น Lockdown เป็นหนึ่งในมาตราการขั้นสุดที่หลายประเทศใช้ในช่วงสถานะการณ์ที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาด เพื่อสกัดกั้น ยับยั้ง การแพร่กระจายของผู้ติดเชี้อ 

เช่น มณฑลหูเป่ย ของประเทศจีน จะเห็นว่า หลังเกิดการ ‘ปิดเมือง’ หรือ Lockdown ตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ลดลงอย่างฉับพลัน ทำให้จำนวนของผู้ป่วยที่มีแนวโน้มสูงชันขึ้น ลาดลงมาในทันที และในวันนี้ก็ไม่พบผู้ติดเชื้ออีกเลย

Social Distancing

Social Distancing การเว้นระยะห่างทางสังคม การสร้างระยะห่างระหว่างตัวเราเองกับคนอื่น ๆ ในสังคม รวมถึงการลดการออกไปนอกบ้านโดยไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงการใช้ขนส่งสาธารณะ การไม่เข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น และการทำงานอยู่ที่บ้าน 

มาตรการ social distancing คือการลดโอกาสที่ผู้คนจะพบปะกัน ทั้งในเชิงจำนวนและระยะเวลา เพื่อชะลอการแพร่ระบาด  จำกัดการเข้าใกล้กัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จะช่วยลดอัตรการแพร่ระบาดของไวรัสจากคนสู่คน

ในตอนนี้หลายประเทศได้ใช้ มาตรการ social distancing กันมากขึ้น โดยประเทศไทยล่าสุดก็มีการปิดสถานประกอบการและห้างร้านเพื่อป้องกันประชาชนไปอยู่ในที่ที่แออัด มีคนอยู่จำนวนมาก ทำให้การติดเชื้อได้ง่าย ดังเช่น ที่สนามมวย หรือ ผับ บาร์ ที่ทำให้คนติดเชื้อไปแล้วเป็นร้อยๆ คน

ข้อแนะนำในการทำ Social Distancing

  1. ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกนั้น การเว้นระยะห่างระหว่างตัวเรากับคนที่มีอาการไอหรือจามนั้นควรรักษาความห่างอยู่ที่อย่างน้อย 1.5-2 เมตร เพราะไวรัสนั้นสามารถติดต่อได้ผ่านละอองขนาดเล็กที่มาจากการไอหรือจามได้ ซึ่งถ้าหากอยู่ใกล้ชิดกันเกินไปเราก็อาจจะสูดเอาไวรัสเข้าร่างกายได้
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสทางกายภาพ เพราะอาจเป็นการนำเชื้อมาสู่ตัวเอง หรือในขณะเดียวกันก็เป็นการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
  3. หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน หรือการใช้ขนส่งสาธารณะ เนื่องจากไวรัส COVID-19
  4. การทำงานที่บ้านก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการแพร่เชื้อ
  5. การเรียนการสอนผ่านทางช่องทางออนไลน์ สามารถนำมาใช้ได้เพื่อป้องกันการระบาดภายในมหาลัยและห้องเรียน ปัจจุบันที่ทำให้มีแพลตฟอร์มต่าง ๆ มารองรับการเรียนแบบระยะไกล เช่น Zoom, Microsoft Teams และ Google Hangout
  6. ที่สำคัญที่สุดคือการกักตัวอยู่บ้านไม่ออกไปยังสถานที่ที่เป็นจุดเสี่ยง ที่มีผู้คนอยู่พลุกพล่าน ซึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

Herd Immunity

Herd Immunity หรือ ภูมิคุ้มกันหมู่ คือ เวลาที่เกิดโรคระบาด เราไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้กับทุกคน เพื่อให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกัน แต่ภูมิคุ้มกันเหล่านี้ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองเมื่อได้รับเชื้อจนมีคนที่มีภมูิจำนวนมากพอและรวมถึงการที่มีคนได้รับวัคซีน จนเชื้อไวรัสไม่สามารถแพร่กระจาย หรือถูกส่งผ่านไปยังคนอื่นๆ ได้
ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีวัคซีน covid-19 ผลิตขึ้นมา ถ้าจะให้ป้องกันแพร่เชื้อในคนหมู่มาก นักวิทยาศตร์ชาวอังกฤษประเมินว่าต้องมีคนที่มีภมิูอยู่ประมาณ 60% หรือประมาณ 40 ล้านคนของชาวอังกฤษ (อังกฤษ มีประชากรประมาณ 66 ล้านคน)ที่ได้รับเชื้อและสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้ เพื่อจะทำให้ Herd Immunity นั้นประสบความสำเร็จ

จากสถิติของโรค COVID-19
80.9% มีอาการไม่รุนแรงเหมือนไข้หวัด
13.8% มีอาการรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ หายใจหอบเหนื่อย
4.7% มีอาการวิกฤตคือ ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว อวัยวะล้มเหลว ติดเชื้อในกระแสเลือด
2% มีอาการถึงเสียชีวิต

ซึ่งปกติผู้ป่วย COVID-19 จะมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 4%
ถ้าอังกฤษใช้แผนี้ในการต่อสู้กับโควิด19 อาจมีผู้เสียชีวิตถึง 2-3 ล้านคนเลยทีเดียว