แม้วิกฤต ก็ยังมีโอกาสได้ของถูก โรคระเบิดจากไวรัสโควิท-19 นอกจากทำให้เกิดการปิดกิจการ คนตกงาน เศรษฐกิจชะลอตัว คนต้องอยู่กับบ้าน ไปเที่ยวที่ไหนไม่ได้ ทำให้ประเทศไทยขาดรายได้จากการท่องเที่ยวโดยปี 2562 มี นักท่องเที่ยวต่างชาติ 39,797,406 คน สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 1.9 ล้านล้านบาท แน่นอนย่อมกระทบต่อธุรกิจโรงแรมด้วย โดยจะพบว่าในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาแม้ว่ารัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างหนัก จนถึงขณะนี้ยังพบว่ามีโรงแรมอีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากหลายแห่งถูกวางโพซิชั่นนิ่งไว้รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยตรง หลายแห่งมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง ขาดเงินทุนหมุนเวียน ขาดเงินทุนสำหรับการจ้างงานใหม่ ฯลฯ
แต่เดือนตุลาคมนี้สถานการณ์ไวรัสโควิด Wave 2 ยังคงระบาดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในทุกจุด ส่งผลให้ล่าสุดทางเยอรมันต้องประกาศ Lockdown คุมเข้มอีกรอบตามฝรั่งเศสไปแล้ว อีกทั้งในอังกฤษและสหรัฐอเมริกาก็ยังระบาดอย่างหนัก ไวรัสระบาดทั่วโลกยังคงรุนแรง ยอดผู้ติดเชื้อรายวันยังอยู่ที่ระดับ 465,000 รายต่อวัน ผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวมทะลุ 44 ล้านรายไปแล้ว ยุโรปกลายเป็นแหล่งที่น่ากังวลมากขึ้นเรื่อยๆ การระบาด Wave 2 ตอนนี้ส่งให้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันของเยอรมันทะลุหลัก 1 หมื่นรายต่อวันไปแล้ว และทางฝรั่งเศสและอังกฤษก็ดีดขึ้นมาที่ 3.4 และ 2.3 หมื่นรายต่อวันตามลำดับ ยังทำให้การท่องเที่ยวที่กะว่าจะฟื้นในปีหน้าดูริบหรี่ ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวอย่างแสนสาหัส เจ้าของโรงแรมในไทยหลายรายสายป่านยาวไม่พอ จึงตัดใจเสนอขายโรงแรมในมือหวังนำกระแสเงินสดมาเสริมสภาพคล่อง พยุงกิจการให้ไปต่อ ในภาวะที่ไม่รู้ว่าวิกฤติโควิด-19 จะจบลงเมื่อใด

AWC คือใคร
บริษัทลูกของ TCC Group ที่ชื่อ บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC เป็นหุ้นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมาและสร้างประวัติศาสตร์ IPO ครั้งใหญ่ในรอบ 14 ปีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย AWC เปิดฉากซื้อขายอย่างเป็นทางการวันที่ 10 ตุลาคม 2562 ระดมทุนได้หลายหมื่นล้านในชั่วพริบตา ด้วยพลังของชื่อ”เจ้าสัวเจริญ”ที่รุกธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ขึ้นแท่นเจ้าบุญทุ่มที่เข้าซื้อกิจการต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก ทำให้นักลงทุนรายใหญ่และรายย่อยต่างลงขันซื้อหุ้น ร่วมรถไฟขบวนใหญ่นี้ไปด้วย

ยืนงบลงทุน 5 ปี 5.5 หมื่นล้าน
นางวัลลภา กล่าวว่า ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการของAWCได้หารือเกี่ยวกับแผน 5 ปี (ตั้งแต่ปี2563-2567) โดยยังคงงบฯลงทุนรวมที่ 5.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบฯลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาทสำหรับการเดินหน้าโครงการโรงแรมใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 12 แห่ง ส่วนงบฯลงทุนอีกกว่า 2 หมื่นล้านบาทกันไว้สำหรับลงทุนโครงการอื่นๆ ที่มีศักยภาพในอนาคต แต่ต้องดูจังหวะ (ไทม์มิ่ง) ให้ดี เมื่อสถานการณ์ท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมา ก็พร้อมเปิดให้บริการ โดยบางโครงการอาจต้องเลื่อนไปเปิดในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เช่น โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง ที่จะรีแบรนด์เป็นโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง
“คาดว่าภาคท่องเที่ยวไทยจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงต้นปี 2564 หลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯจึงต้องเตรียมความพร้อม และเดินหน้าพัฒนาโครงการต่อเนื่อง จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 18 แห่ง รวมกับโรงแรมใหม่ล่าสุด บันยันทรี กระบี่ ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา มียอดจองห้องพักล่วงหน้าในเดือน พ.ย.นี้เข้ามาแล้วราว 25-30%”
100 โรงแรม 3-5 ดาวแห่เสนอขายเจ้าสัวเจริญ
“มีเจ้าของโรงแรมจำนวนมากติดต่อเข้ามายัง AWC รวมถึงบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มสิริวัฒนภักดี เพื่อเสนอขายโครงการโรงแรมและคอมเมอร์เชียล ตั้งแต่ประเทศประกาศล็อกดาวน์จนถึงขณะนี้มีเจ้าของโรงแรมตั้งแต่ระดับ 3 ดาวขึ้นไปจนถึงระดับลักเซอรี่ 5 ดาว มูลค่าโครงการตั้งแต่ระดับ 100-10,000 ล้านบาท นำมาเสนอขายโรงแรมให้กับกลุ่ม AWC แล้วจำนวนรวมกว่า 100 จากทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นทุนไทย มีเชนโรงแรมรับบริหารอยู่ก็มี แต่เจ้าของเป็นคนไทย มาเสนอขายโรงแรมชัดเจนหลังเจอวิกฤติโควิด” โดยในมุมของAWCมองว่านอกจากจะเป็นโอกาสในช่วงวิกฤติ สามารถซื้อโรงแรมเพื่อนำมาปรับปรุงสร้างคุณค่าแก่นักลงทุนของAWCแล้ว ตลาดโรงแรมยังต้องการเราเข้าไปช่วยต่อเวลา ช่วยเหลือผู้ประกอบการในระบบให้อยู่รอดจากวิกฤติโควิดซึ่งเป็นวิกฤติที่รุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยพบเจอ
เตรียมตั้งกองทุนหมื่นล้านช้อนซื้อ
AWC จึงเตรียมจัดตั้งกองทุนในลักษณะ Opportunity Fund วงเงินหลักหมื่นล้านบาท ดึงนักลงทุนต่างชาติ เช่น กองทุนส่วนบุคคล (Private Fund)จากทั้งในเอเชียและยุโรปมาร่วมลงทุนผ่านกองทุนดังกล่าวกับ AWC ซึ่งจะเป็นผู้บริหารกองทุนฯเพื่อช้อนซื้อโรงแรมในประเทศไทย ขณะนี้กำลังปรึกษาธนาคารทั้งในและต่างประเทศเพื่อเตรียมเรื่องจัดตั้งกองทุนฯ คาดว่าจะจัดตั้งได้ช่วงต้นปี 2564 โดยปัจจุบัน AWC มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)อยู่ในระดับต่ำที่ 0.7 เท่า
รายละเอียดการดำเนินงาน แนวทางการลงทุน รวมถึงหาที่ปรึกษาด้านการเงิน คาดว่าจะสามารถสรุปรายละเอียดได้ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า หรือประมาณปลายปีนี้ เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้ภายในต้นปีหน้า อย่างไรก็ตาม คาดว่าเบื้องต้นกองทุนนี้จะมีมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท

ที่มา bangkokbiznews