ในข่าวธุรกิจตอนนี้พาดหัวข่าวหุ้นเกี่ยวกับ FAANG กันบ่อยครั้ง ตลาดหุ้นสหรัฐ NASDAQ ช่วงนี้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่นำโดยกลุ่ม FAANG ปรับตัวขึ้นทุกวัน วันนี้เรามาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ FAANG และ ศัพท์ใหม่อีกตัวที่คาดว่าจะมาใช้แทน FAANG คือ FANTAZIAM

FAANG เป็นคำที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายโดยผู้คิดริเริ่ม คือ Jim Cramer พิธีกรรายการโทรทัศน์ Mad Money ช่อง CNBC ในปี 2013 อ้างถึงบริษัทเหล่านี้ว่า “มีความโดดเด่นในตลาด รวมถึงเป็นกลุ่มบริษัทที่ทรงอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก”
FAANG คือหุ้นของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีอเมริกาที่ได้รับความนิยมและมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด (ผลตอบแทนสูงกว่าดัชหลักอย่าง S&P500 หลายเท่า) มีมูลค่ารวม
$4.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนมกราคม ปี 2020. ประกอบด้วยหุ้นของ
- Amazon
- Apple
- Netflix
- Google หรือ Alphabet
Facebook (FB)
Facebook เป็นแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยฐานผู้ใช้งานถึง 2.5 พันล้านคน หรือประมาณ 30% ของประชากรโลก จากฐานผู้ใช้งานนี้ Facebook มีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างมหาศาล จากการขายโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย และความแม่นยำในการวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของ Instagram, WhatsApp และ Messenger อีกด้วย
Amazon
Amazon จากผู้บุกเบิกการขายหนังสือออนไลน์ กลายเป็นแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของโลกในธุรกิจ e-commerce (B2C) ซึ่งใช้เทคโนโลยี cloud computing และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อขายแคตตาล็อกค้าปลีก มีสินค้าให้เลือกมากกว่า 120 ล้านชิ้น มีลูกค้าเฉพาะในสหรัฐอเมริกามากกว่า 150 ล้านคน ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่ง จ่ายค่าบริการเพื่อสมัครใช้งานรายเดือน Amazon Prime ด้วยรายได้กว่า 2.65 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐนี้ และ ตัวเลขกำไรสุทธิ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นสิ่งยืนยันว่าทำไมนักลงทุนจึงเชื่อว่ามูลค่าตลาดของ Amazon ยังคงเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคง ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง Jeff Bezos จะกลายเป็นเศรษฐีล้านล้านคนแรกของโลก
Apple (APPL)
Apple ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดล่าสุดในโลกในปี 2563 ด้วยการเริ่มต้นจากนวัตกรรมและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่ iPod ไปยัง iPhone iPad และ Apple Watch และตราบใดที่ Apple ยังคงคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มีความเชื่อมั่นในแบรนด์ สิ่งนี้ยังคงนำไปสู่อำนาจการกำหนดราคา การขยายผลกำไร และกระแสเงินสดที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยผลักดันราคาหุ้นให้สูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำให้ Apple สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้
Netflix (NFLX)
Netflix เริ่มต้นจากบริการส่ง DVD ทางไปรษณีย์ที่เป็นคู่แข่งกับ Blockbuster ยอดนิยม อย่างไรก็ตาม Netflix เริ่มหันมายังบริการสตรีมมิ่งในปี 2007 และประสบความสำเร็จ Netflix เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการเติบโตของจำนวนลูกค้า กับโดดเด่นในสตรีมมิ่งคอนเทนต์ออนไลน์ด้านภาพยนตร์ ซีรีย์ และรายการโทรทัศน์ ฐานสมาชิกของ Netflix เติบโตขึ้นอย่างมาก จาก 22 ล้านคนในปี 2554 เป็น 150 ล้านคนในปี 2562 เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะการเปลี่ยนบทบาทดั้งเดิมของธุรกิจจากฐานะผู้รวบรวมภาพยนตร์ ไปยังผู้ผลิตคอนเทนท์รายใหญ่และมีคอนเทนท์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของตนเอง
Alphabet – Google (GOOG)
Alphabet (บริษัทแม่ Google) เป็นกลุ่มบริษัทในเครือเทคโนโลยีที่ครอบครองผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งรวมถึง Android, Chrome, Maps, Search, YouTube และ Gmail
Alphabet หรือ Google ยกระดับความเชี่ยวชาญหลักในฐานะ search engine ชั้นนำของโลก สู่ผู้พัฒนาธุรกิจโฆษณาออนไลน์ที่สร้างผลกำไรสูงมาก ในขณะเดียวกันก็ผลักดันการรักษาฐานผู้ใช้ผ่านเว็บแอปพลิเคชันยอดนิยม เช่น YouTube, Google Docs และ Google Maps และระบบปฏิบัติการมือถือของ Android ที่คิดเป็นส่วนแบ่งประมาณ 75% ของตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก
FANTAZIAM ( ออกเสียงคล้าย Fantasia )
หลังจาก FED อัดฉีดเงินเข้าระบบอย่างมหาศาลทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเติบโตอย่างมาก ซึ่งนอกจากกลุ่ม FAANG ยังมีอีก 4 ตัวที่โดดเด่นอย่างมากในปีนี้โดยกลุ่มใหม่มีตัวให้ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม FAANG ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ Tesla, Internet, Zoom และ Microsoft โดยใช้ชื่อว่า FANTAZIAM ซึ่งประกอบไปด้วย
- Alphabet (Google)
- Netflix
- Tesla
- Amazon
- Zoom
- Internet (XWEB)
- Apple
- Microsoft
Tesla ซึ่งเป็นหุ้นบริษัทเทคโนโลยี (ไม่ใช่แค่บริษัทรถยนต์นะครับ) แต่โดดเด่นมีชื่อเสียงจากรถไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ซึ่งมูลค่าทางตลาดก็สูงที่สูงในกลุ่มรถยนต์แล้วในปีนี้ หลังจากต้นปีราคาอยู่ที่ $86 มาสูงสุดปลายเดือนสิงหาที่ $498 (หุ้นมีการแตกพาร์ด้วย)

Microsoft นั้นโดนดึงเข้ามาร่วมเพราะหลังจากช่วงโควิดนั้นราคาก็ดีดขึ้นไปมาก นอกจากจะดีดกลับมาสูงกว่าระดับต้นปีแล้วยังบวกขึ้นไปกว่า +30% อีกด้วย
Zoom ในช่วงโควิทไม่มีใครไม่รู้จัก ซึ่งเป็นหุ้นน้องใหม่ด้าน Telecommunication ห้องประชุม Online ที่ราคาขึ้นมาเกือบ 6 เท่าแล้วในปีนี้ ซึ่งปีที่แล้วเชื่อว่าไม่มีใครรู้จัก
I ก็คือกองทุน Internet ETF ของ SPDR S&P ที่ผลตอบแทนเกินกว่า 50% แล้วในปีนี้ หลังจากความจำเป็นในการใช้อินเตอร์เน็ตนั้นพุ่งขึ้นกระฉูดในปีนี้

ข้อมูล Return , P/E , PEG , P/S ของหุ้น FANTAZIAM ในกลุ่มของปี 2020 ซึ่งผลตอบแทนของหุ้นทั้งกลุ่มโตกว่า 111.9% เทียบกับ S&P ที่โตแค่ 4.6% เท่านั้น
ที่มา
https://www.facebook.com/OilTraderKP/posts/619466691940011
https://seekingalpha.com/article/4373650-faangs-enter-world-of-fantaziam
https://www.investopedia.com/terms/f/faang-stocks.asp