
นายแซม แบงแมน-ฟรายด์ (Sam Bankman-Fried SBF) มหาเศรษฐีในวงการลงทุนเงินคริปโตเคอร์เรนซี ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ FTX Cryptocurrency Derivatives Exchange ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก แถลงการณ์บริษัทเอฟทีเอ็กซ์ล้มละลาย และขอยื่นศาลให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์สินตามมาตรการ 11 Chapter11 ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ พร้อมแต่งตั้งนายจอห์น เจ เรย์ที่ 3 ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ ซึ่งประกาศดังกล่าวสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วอุตสาหกรรมคริปโต
11พ.ย.65 บริษัท FTX ประกาศผ่านทวิตเตอร์ @FTX_official ว่าบริษัทได้ประกาศล้มละลายบริษัทได้เริ่มการดำเนินการตามบทที่ 11 ด้วยความสมัครใจ เพื่อให้บริษัทมีโอกาสที่จะรักษาเสถียรภาพของธุรกิจ และบรรลุข้อตกลงในการปรับโครงสร้างใหม่ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าสูงสุดสำหรับนักลงทุนทั้งหมดผ่านการดำเนินการปรับโครงสร้างใหม่ FTX Trading Ltd. (d.b.a. FTX.com) ประกาศในวันนี้ว่า West Realm Shires Services Inc. (d.b.a. FTX US), Alameda Research Ltd. และบริษัทในเครืออีกประมาณ 130 แห่ง (รวมกันเรียกว่า “FTX Group”) ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว กระบวนการโดยสมัครใจภายใต้บทที่ 11 ของประมวลกฎหมายล้มละลายของสหรัฐอเมริกาในเขตเดลาแวร์ เพื่อเริ่มกระบวนการที่เป็นระเบียบในการตรวจสอบและสร้างรายได้จากสินทรัพย์เพื่อประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั่วโลก
มูลค่าความร่ำรวยส่วนตัวของอดีตซีอีโอเอฟทีเอ็กซ์ แซม แบงแมน-ฟรายด์ ที่มีถึง 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.15 ล้านบาทสูญหายเป็นศูนย์ภายใน 24 ชั่วโมง สาเหตุจากนักลงทุนเทขายหุ้นของบริษัทเอฟทีเอ็กซ์หลังมีสัญญาณล้มละลาย เนื่องจาก แซม แบงแมน-ฟรายด์ อดีตซีอีโอไม่สามารถหาเงินสดจากพันธมิตรทางธุรกิจ และสถาบันการเงินเข้ามาแก้วิกฤตสภาพคล่องเงินสดได้ ซึ่งมีความจำเป็นต้องได้เงินมีมูลค่ามากถึง 9,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 338,400 ล้านบาท
ด้านดัชนีเศรษฐีบลูมเบิร์ก หรือ Bloomberg Billionaires Index ประเมินมูลค่าบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ในสหรัฐอเมริกาลดลงจาก 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 288,000 ล้านบาทเมื่อต้นปีนี้ลงมาเหลือเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐ หรือทั้งบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายเงินคริปโทใหญ่อันดับ 2 ของโลก มีค่าเหลือแค่ 36 บาท คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สหรัฐอเมริกา หรือเอสอีซี เปิดเผยว่า ได้เข้าตรวจสอบและสอบสวน แซม แบงแมน-ฟรายด์ อดีตซีอีโอเอฟทีเอ็กซ์ทันที เมื่อวานนี้ 11 พฤศจิกายน 2565 คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์บาฮามาส ประกาศคำสั่งอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ ดิจิตอล มาร์เก็ตส์ ของ แซม แบงแมน-ฟรายด์มหาเศรษฐีในวงการลงทุนเงินคริปโตเคอร์เรนซี และผู้ก่อตั้งแพลทฟอร์มเอฟทีเอ็กซ์ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก
ฝ่ายบริหารระดับสูงของเอฟทีเอ็กซ์ ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายเงินคริปโตเคอร์เรนซีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก เปิดเผยว่า ความจำเป็นอย่างมากที่ต้องเงินช่วยเหลือแก้วิกฤตสภาพคล่องขาดเงินสดจะมีมูลค่าสูงถึง 9,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 357,200 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุด จะสูงกว่าที่นายแซม แบงแมน-ฟรายด์ มหาเศรษฐีในวงการลงทุนเงินคริปโตเคอร์เรนซี และผู้ก่อตั้งแพลทฟอร์มเอฟทีเอ็กซ์ เทรดดิ้ง ได้กล่าวเมื่อวานนี้กับนักลงทุนที่ซื้อขายเงินคริปโทเคอร์เรนซีผ่านเว็ปไซต์เอฟทีเอ็กซ์ดอทคอม ว่า ถ้าหากไม่ได้รับเงินช่วยเหลือแก้วิกฤตสภาพคล่องมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 304,000 ล้านบาท แพลทฟอร์มเอฟทีเอ็กซ์จะล้มละลายในที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาระดับสภาพคล่องเงินสดขั้นต่ำ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 152,000 ล้านบาทขณะนี้ฝ่ายบริหารของเอฟทีเอ็กซ์พยายามใช้ทุกช่องทางในการหาเงินสดมาแก้ไขวิกฤตสภาพคล่องไม่ว่าจะเป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน การระดมทุนจากหุ้น หรืออาจเป็นทั้ง 2 รูปแบบผสมผสานกัน สถานการณ์ของเอฟทีเอ็กซ์มาถึงทางตันในวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากไบแนนซ์แพลทฟอร์มซื้อขายเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลกของซีอีโอนายจางเผิง จ้าว กลับลำไม่เข้าช่วยเหลือเอฟทีเอ็กซ์ ซึ่งแพลทฟอร์มซื้อขายเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่สูสีกับไบแนนซ์แบะประสบวิกฤตขาดสภาพเงินสดครั้งใหญ่ ด้วยการยกเลิกแผนข้อตกลงซื้อหน่วยธุรกิจเอฟทีเอ็กซ์ที่อยู่นอกตลาดสหรัฐอเมริกา โดยให้เหตุผลว่า ต้องรอขั้นตอนการประเมินสินทรัพย์ หรือ Due Diligence ทั้งหมดก่อน

แม้ว่า Sam Bankman-Fried จะถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีความสามารถและทรงอิทธิพลที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งเป็นบุคคลที่พยายามบุกเบิกการวางหลักเกณฑ์ด้านกฏระเบียบเพื่อสร้างเสถียรภาพของอุตสาหกรรมคริปโตในกรุงวอชิงตัน
ขณะที่ตอนนี้ FTX กลายเป็นเป้าหมายของการสอบสวนโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และอัยการของรัฐบาลกลางในนิวยอร์ก โดยทรัพย์สมบัติของเขาซึ่งครั้งหนึ่งเคยคาดไว้ว่าจะมีขนาดใหญ่ถึง 24 พันล้านดอลลาร์ได้ลดน้อยลงเหลือไม่ถึงหนึ่งพันล้านดอลลาร์ในขณะนี้
ที่สำคัญ ก.ล.ต.สหรัฐอเมริกาเข้าตรวจสอบความผิดพลาดของการบริหารงานเอฟทีเอ็กซ์ วิกฤตสภาพคล่องอย่างรุนแรงครั้งประวัติศาสตร์ของเอฟทีเอ็กซ์ ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายเงินคริปโทเคอร์เรนซีของแซม แบงแมน-ฟรายด์ มหาเศรษฐีในวงการลงทุนเงินคริปโตเคอร์เรนซี และผู้ก่อตั้ง ซึ่งมีขนาดใหญ่สูสีกับคู่แข่งสำคัญที่สุดอย่างไบแนนซ์ของนายจางเผิง จ้าว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ได้ปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว โดยพบว่ามีการถอนเงินลงทุนออกจากเอฟทีเอ็กซ์รวมสูงถึง 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 228,000 ล้านบาทภายใน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วันติดต่อกันผ่านมา การถอนเงินลงทุนจำนวนมากมายมหาสารอย่างรวดเร็วภายใน 3 วันติดต่อกัน เกิดขึ้นจากนายจางเผิง จ้าว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอไบแนนซ์ ทวีตข้อความว่าไบแนนซ์อาจจะขายทิ้งพอร์ตลงทุนถือครองเงินเหรียญเอฟทีเอ็กซ์ทั้งหมด เนื่องจากการประเมินราคาเหรียญดังกล่าวเมื่อเร็วๆนี้ ไม่ได้มีการระบุข้อมูลที่ชัดเจนและละเอียดพอ นักลงทุนในตลาดเงินคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกตัดสินใจเทขายเงินทุกสกุลคริปโทเคอร์เรนซีระดับโลก และเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีระดับท้องถิ่นของเจ้าของแพลทฟอร์มชื่อดังในแต่ละประเทศ เนื่องจากไม่มีความมั่นใจในสถานการณ์วิกฤตสภาพคล่องเงินสดของเอฟทีเอ็กซ์ที่เป็นหนึ่งในแพลทฟอร์มซื้อขายเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่มีขนาดใหญ่ของโลกที่สูสีกับไบแนนซ์

FTT โทเคนประจำแพลตฟอร์ม FTX -25% ในช่วง 24 ชั่วโมง และมูลค่าหายไปเกือบ 9 ใน 10 ภายในระยะเวลาเพียง 5 วัน

Sam Bankman-Fried ผู้ก่อตั้ง FTX เคยถูกนิตยสาร Fortune ยกให้เป็น “Warren Buffett คนต่อไป”