ทฤษฏีความต้องการของมนุษย์ โดยมาสโลว์ Maslow’s Hierarchy of Needs

1606
ทฤษฎีมาสโลว์

Maslow’s hierarchy of needs 

ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ จากนักจิตวิทยาชื่อ อับราฮัม มาสโลว์ (Abraham Maslow) จากมหาวิทยาลัย Yale ในปี 1943 ซึ่งเผยแพร่ในหนังสือ A Theory of Human Motivation เป็นแนวคิดทางจิตวิทยา ว่าด้วยเรื่องของมนุษย์ ลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์

ถ้าศึกษาอย่างละเอียด คุณจะเข้าใจตนเอง ผู้อื่น การแสดงออกทางการเมือง และการวางนโยบายเพื่อประชาชนของประเทศ และปรากฎการณ์ในสังคม ถ้าลองวิเคราะห์ทฤษฎีนี้กับชีวิตของคุณ บางคนอาจผ่านบางขั้นตอนลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ เคยสงสัยไหมว่า ทำไมผู้คนบนโลกใบนี้ต่างพอใจกับสิ่งที่มีสิ่งที่ได้ต่างกัน บางคนต้องการแค่การงานที่ดี มีเงินเดือน มีอาหาร ได้ไปท่องเที่ยว บางคนต้องการตำแหน่ง ชื่อเสียง เงินทองไม่รู้จบ คุณอาจจะได้รับคำตอบจากทฤษฎีมาสโลว์ก็เป็นได้

ความต้องการของมนุษย์ 5 ขั้นของมาสโลว์ มักถูกนำเสนอโดยรูปพิระมิด แบ่งเป็น 5 ระดับ จากพื้นฐานที่สุดจะอยู่ข้างล่างและความต้องการความสมบูรณ์ของชีวิตเป็นชั้นสูงสุด “ยิ่งเป็นความต้องการในขั้นที่สูงขึ้น จะยิ่งมีจำนวนคนที่ได้รับการตอบสนองน้อยลง” เหมือนพีระมิดที่ยิ่งสูงขึ้น ยอดก็จะยิ่งแคบลง

  1. Physiological Needs คือ ความต้องการทางกายภาพเพื่อการดำรงชีวิต (ความต้องการในระดับพื้นฐาน)
  2. Safety Needs คือ ความต้องการด้านความปลอดภัย
  3. Love and Belonging Needs คือ ความต้องการความรักความสัมพันธ์และความเป็นเจ้าของ
  4. Esteem Needs คือ ความต้องการความเคารพนับถือ
  5. Self Actualization Needs คือ ความต้องการสูงสุดในชีวิต (ระดับสูงสุด)
maslow hierarchy

Physiological Needs

ความต้องการทางกายภาพเพื่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ และ เป็นความต้องการที่เป็นขั้นพื้นฐานที่สุดของทฤษฎีมาสโลว์ โดยความต้องการทางกายภาพหรือ Physiological Needs ที่เป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์เพื่อที่จะสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ ได้แก่ น้ำ อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค นั่นเป็นความต้องการที่ทุกคนต้องมีนั่นเอง

โดยส่วนใหญ่ของมนุษย์ทั่วไป คนเราทุกคนต่างก็มีความพยายามที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับความต้องการที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับแรกก่อน เมื่อความต้องการนั้นได้รับความพึงพอใจ ความต้องการนั้นจะหมดไปและเป็นตัวกระตุ้นให้คนเราสร้างความพึงพอใจในความต้องการที่สำคัญกับชีวิตในขั้นถัดไป ตัวอย่างเช่น คนที่หิวโหย อดอยาก (ความต้องการทางกาย) ก็ไม่ได้ให้คนอื่นมาชื่นชม ไม่ได้สนใจที่ที่ปลอดภัย หรือแม้แต่ความรักใดๆ ของให้ท้องอิ่มไปวันๆ เอาตัวรอดไปก่อนให้ได้ก็พอ จนไม่หิวท้องแล้วจึงอาจอยากได้ความต้องการขั้นถัดๆ ไป

Safety Needs

ความต้องการเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน เมื่อมนุษย์เรามีความต้องการพื้นฐานแล้ว ความรู้สึกต้องการความปลอดภัยจึงเป็นความต้องการขั้นต่อมา มนุษย์ก็จะเริ่มต้องการความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ตัวอย่างเช่น ความมั่นคงในหน้าที่การงาน ความมั่นคงทางการเงิน ความปลอดภัยของชีวิต การดูแลสุขภาพ การประกันชีวิต ความปลอดภัยของทรัพย์สิน ความปลอดภัยของที่อยู่อาศัย และความปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ดูแลให้สถานที่ทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่เป็นมลพิษกับสุขภาพ ถ้าเป็นที่ทำงานควรมีมาตรการลดความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ในการทำงานให้กับทีม รวมไปถึงความมั่นคงด้านรายได้

ความต้องการความมั่นคงปลอดภัยเมื่อความต้องการทางการภาพได้รับการตอบสนองในระดับที่พอเพียง ความต้องการความมั่นคงปลอดภัยจะมีอิทธิพลกับพฤติกรรม ถ้าไม่มีความปลอดภัยมั่นคงทางเศรษฐกิจ (จากสาเหตุ เช่น วิกฤติเศรษฐกิจ หรือ การขาดโอกาสทางการงาน) ความต้องการความมั่นคงปลอดภัยนี้ อาจปรากฏออกมาในรูปของ การนิยมงานที่มีความมั่นคง กระบวนการร้องทุกข์เพื่อปกป้องบุคคลจากการกลั่นแกล้งของผู้บังคับบัญชา หรือ ปกป้องบัญชีเงินฝาก เรียกร้องนโยบายประกันภัย ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ต่างๆ การเรียกร้องที่พักที่เหมาะสมสำหรับคนพิการ เป็นต้นความต้องการความมั่นคงปลอดภัย รวมถึง ความมั่นคงปลอดภัยส่วนบุคคล ความมั่นคงปลอดภัยทางการเงิน สุขภาพและความเป็นอยู่ ระบบรับประกัน-ช่วยเหลือ ในกรณีของอุบัติเหตุ/ความเจ็บป่วย

Love and Belonging Needs

ความต้องการความสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความรัก ความเป็นเจ้าของ การมีคู่ครอง ครอบครัว เพื่อน และการยอมรับจากสังคม โดยความต้องการในขั้นของ Love and Belonging Needs จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่บุคคลมีความมั่นคงปลอดภัยทั้งด้านชีวิต ด้านการงานและการเงิน ถ้าหากสังเกตจะเห็นว่าในขั้นนี้ความต้องการของมนุษย์ของมาสโลว์จะเริ่มเปลี่ยนจากเอาตัวรอดไปเป็นความต้องการด้านความรู้สึก (Emotional)

ความรักและความเป็นเจ้าของ เมื่อความต้องการทางกายภาพและความปลอดภัยได้รับการตอบสนองแล้ว ระดับขั้นที่สามของความต้องการมนุษย์คือ ความต้องการเป็นเจ้าของ มนุษย์ต้องการที่จะรักและถูกรักจากคนอื่น ถ้าขาดความต้องการเรื่องนี้ไป หลายๆคนกลายเป็นคนขี้เหงา มีปัญหาการเข้าสังคม และ เป็นโรคซึมเศร้า ความต้องการเป็นเจ้าของนี้ บ่อยครั้งที่สามารถจะชนะความต้องการทางกายภาพและความมั่นคงปลอดภัยได้ ขึ้นกับแรงกดดันจากคนรอบข้าง (peer pressure) เช่น คนที่มีอาการ anorexic (เบื่ออาหาร) อาจละเลยความต้องการอาหาร และความปลอดภัย เพียงเพื่อได้ความต้องการควบคุมและเป็นเจ้าของความเคารพนับถือ

Esteem Needs

ความต้องการการยกย่อง การให้ผู้อื่นเห็นค่า ยอมรับ และการได้รับความเคารพนับถือจากคนรอบตัว อย่างเช่น ลูกน้อง สังคมรอบตัว ญาติพี่น้อง ถ้าในการทำงานจะไม่ชอบการดูถูกหรือการทำให้รู้สึกด้อยค่าลง เพราะมีคนสั่งการทุกอย่างในงานที่ตัวเองทำ ทำให้ความภูมิใจในตัวเองและ Self-esteem ลดลง

มนุษย์ทุกคนต้องการที่จะได้รับการนับถือและเคารพให้เกียรติ ความเคารพนับถือแสดงถึงความต้องการของมนุษย์ที่จะได้รับการยอมรับและเห็นคุณค่าโดยคนอื่น คนต้องการที่จะทำอะไรจริงจังเพื่อจะได้รับการยอมรับนับถือและต้องการจะมีกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกว่าเขาได้มีส่วนทำประโยชน์ เพื่อจะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นอาชีพ หรือ งานอดิเรก ความไม่สมดุลในความเคารพนับถือ อาจส่งผลให้มีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำและรู้สึกต้อยต่ำ คนที่มีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำต้องการการเคารพจากคนอื่นๆ เขาอาจพยายามแสวงหาความมีชื่อเสียง (ซึ่งขึ้นกับผู้อื่น) หมายเหตุ อย่างไรก็ตาม คนจำนวนมากที่มีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำ ไม่สามารถที่จะแก้ไขความภาคภูมิใจตัวเองได้ง่ายๆโดยการมีชื่อเสียง ได้รับความเคารพ จากภายนอก แต่ต้องยอมรับตัวเองจากภายใน ความไม่สมดุลทางจิต เช่น โรคซึมเศร้า อาจทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถมีความภาคภูมิใจในตนเอง (self-esteem) ได้คนส่วนใหญ่มีความต้องการความเคารพและความภาคภูมิในในตนเองที่มั่นคง

มาสโลว์ได้กล่าวถึงต้องการความเคารพนับถือใน 2 ระดับ คือ ระดับล่าง กับ ระดับสูง
ระดับล่าง เป็นความต้องการความนับถือจากคนอื่น ความต้องการสถานะ การยอมรับ ชื่อเสียง ศักดิ์ศรี และ ความสนใจ
ระดับสูง เป็นความต้องการความเคารพตัวเอง ความต้องการความแข็งแกร่ง ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ ความมั่นใจในตัวเอง ความเป็นตัวของตัวเอง และ อิสระ ที่ความต้องการเหล่านี้จัดเป็นระดับสูง ก็เพราะว่า มันขึ้นกับความสามารถภายในมากกว่า ซึ่งได้มาโดยผ่านประสบการณ์การขาดความต้องการเหล่านี้ อาจทำให้ความรู้สึกต่ำต้อย อ่อนแอ และช่วยตัวเองไม่ได้ หมดหนทางมาสโลว์ได้หมายเหตุไว้ว่าการแบ่งขั้นความต้องการความเคารพนับถือระดับล่างกับสูงนี้เกี่ยวข้องกันมากกว่าที่จะเป็นการแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน

Self Actualization Needs

ความต้องการให้ตนประสบความสำเร็จในชีวิต ความต้องการสูงสุดในชีวิตตามทฤษฎีมาสโลว์ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นสุดท้ายของมนุษย์หลังจากได้รับการตอบสนองใน 4 ขั้นแรกแล้ว ในขั้นนี้ความต้องการ (Needs) ในแต่ละคนจะต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปมักจะเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ เป็นสิ่งที่ใฝ่ฝัน และการเติมเต็มความฝัน

ขั้นสุดท้าย คนต้องการความสมบูรณ์ของชีวิต บางคนต้องการเปลี่ยนสังคมบางคนวาดรูป ดูงานศิลปะ เขียนหนังสือ ไปอยู่กับธรรมชาติ มีเมียเพิ่ม “อะไรที่บุคคลเป็นได้ เขาต้องเป็น” “What a man can be, he must be.” เป็นคำกล่าวของมาสโลว์ที่สรุปความหมายของความต้องการความสมบูรณ์ของชีวิตไว้ ความต้องการนี้ เกี่ยวกับ ศักยภาพสูงสุดของบุคคล และ การตระหนักถึงศักยภาพนั้น มาสโลว์อธิบายว่านี้คือความต้องการที่ปรารถนาจะเป็นมากกว่าที่่เขาเป็นอยู่ เป็นความปรารถนาที่จะเป็นทุกๆอย่างที่เขาจะสามารถเป็นได้ยาวไปนิด แต่สั้นกว่าเวลาที่จะค้นหามันด้วยตนเองอีกหลายปีเพื่อที่จะเข้าใจความต้องการความสมบูรณ์ของชีวิตได้ บุคคลจะต้องได้รับการตอบสนองความต้องการอื่นๆ (กายภาพ ความปลอดภัย ความรัก ความเคารพนับถือ) อย่างดีแล้ว

ประยุกต์ทฤษฎีมาสโลว์การด้านธุรกิจ

ชั้นความต้องการที่พื้นฐานหรืออยู่ข้างล่างของพิระมิด จะต้องได้รับการตอบสนองก่อนที่บุคคลจะเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อความต้องการในระดับที่สูงขึ้นได้ความต้องการทางกายภาพความต้องการทางกายภาพ เป็นความต้องการเพื่อจะอยู่รอดของมนุษย์ ถ้าความต้องการพื้นฐานที่สุดนี้ไม่ได้รับการตอบสนอง ร่างกายของมนุษย์ก็ไม่สามารถทำงานได้ หรือไม่สามารถทำงานได้ดี ดังนั้นบริษัทต้องการให้บุคลากรทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพต้องให้พนักงานได้รับการตอบสนองความต้องการในระดับพื้นฐานก่อน ก่อนที่บุคคลากรของเราจะไปถึงจุดที่พยายามค้นพบศักยภาพของตนหรือใช้ความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ คือความต้องการขั้นใน Self-Actualization

ในแง่ของการตลาด สินค้าและบริการของเรานั้นสามารถสนองความต้องการของมนุษย์ในขั้นไหน และในขณะเดียวกันก็สามารถต่อยอดได้ว่านอกจากตัวสินค้าจะทำหน้าที่ “พื้นฐาน” เพื่อตอบสนองความต้องการแรกได้แล้วนั้น การสื่อสารการตลาด หรือการสร้างแบรนด์เองก็สามารถจะสนองความต้องการอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน

กาแฟ, รถยนต์ หรือกระเป๋า ที่ตัวสินค้าเองอาจจะตอบสนองความต้องการขั้นแรก (กายภาพ) และนั่นทำให้ตัวสินค้าเป็นที่ต้องการพื้นฐานของมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกันนั้น ภาพลักษณ์ของแบรนด์เองก็เน้นเป็นเรื่องจะแสดงขั้น Esteem Needs ยังสามารถช่วยให้ตัวเจ้าของได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆ ด้วย
ในขั้น Esteem Needs มนุษย์อาจแสดงออกด้วยการใช้สินค้าที่แพงกว่า การวางตัวที่ดูดี การแสดงถึงความสำเร็จ การใช้ความสามารถเพื่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป็นต้น

ที่มา th.wikipedia.org/wiki