NFT คืออะไร
Non-fungible Token (NFT) คือโทเคนที่นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ ทำให้สามารถแสดงความเป็นเจ้าของของทรัพย์สิน Digital ได้ NFT หรือ Non-fungible Token นั้นที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ และมีความเฉพาะตัวไม่สามารถถูกทำซ้ำหรือคัดลอกได้ซึ่งแตกต่างจาก BTC, ETH, และ Token เพราะซื้อ ETH หรือ BTC หาจากที่ไหนก็ได้ เพราะ 1 BTC ไม่ว่าจากที่ไหนก็ตาม จะความเหมือนกัน ซึ่งสิ่งนี้เอง คือคุณสมบัติของ Fungible หรือการทดแทนกันได้ แต่สำหรับ NFT นั้นไม่ใช่ เพราะ NFT แต่ละ NFT จะแตกต่างกัน และไม่สามารถทดแทนกันได้ ด้วยคุณสมบัตินี้เอง NFT จึงเหมือน Cryptocurrency ประเภทหนึ่ง ที่นำมาใช้แสดงความเป็นของจริง (Authentic) มีเพียงหนึ่งเดียว ใน Digital Asset
NFT จึงเป็นเครื่องมือที่นำมาใช้แสดงความเป็น “ของจริง” ของสินทรัพย์ และมีการยืนยันความเป็นความเจ้าของผ่าน Blockchain ถ้า NFT นี้อยู่ใน Wallet ของใคร คนนั้นก็คือเจ้าของของ NFT นั้น โดยแต่ละโทเคนจะแตกต่างกัน ซึ่งคล้ายกับของสะสม ของหายาก หรือของมีมูลค่า โดยข้อดีของ NFT คือ เราสามารถขายผลงานในรูปแบบ NFT ให้กับใครก็ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องมีต้นทุนสูงจากการขายของและขนย้ายผลงานข้ามประเทศ อีกทั้งยังสามารถเก็บเอาไว้ได้ตลอดการ ไม่ต้องดูแลรักษา
ยิ่งกว่านั้น eBay กลายเป็น E-commerce ยักษ์ใหญ่บริษัทแรกของโลกที่เข้ามาใน Crypto แล้ว เปิดให้ซื้อขาย NFT บนแพลตฟอร์มได้และกำลังอาจเตรียมเปิดรับชำระเงินด้วย Cryptocurrency อีกด้วย ล่าสุด 14 เมษายน 20201 ‘Sotheby’s’ บริษัทประมูลผลงานศิลปะที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจากประเทศอังกฤษ ผู้ให้บริการด้านการประมูลผงานศิลปะที่ได้รับการเชื่อถือและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยดำเนินธุรกิจมาแล้วกว่า 267 ปี (เริ่มก่อตั้งในปี 1744) เพิ่งปิดการประมูลผลงานศิลปะแบบดิจิทัลโดยกวาดรายได้รวมทั้งหมดจากการเปิดประมูลแบบ NFT ไปเบ็ดเสร็จที่ประมาณ 16.8 ล้านดอลลาร์
ปัจจุบันตลาด NFT มีมูลค่าสูงกว่า 250 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า จากปี 2019 ซึ่งนักสะสมผลงานสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ผ่านแพลตฟอร์ม Opensea, Rarible, Nifty Gateway, SuperRare, Foundation, Enjin Marketplace และแพลตฟอร์มอื่น ๆ
NFT แตกต่างกับ Cryptocurrency อย่างไร
Cryptocurrency คือสินทรัพย์หรือเหรียญดิจิทัลประเภท Fungible Token ที่ไม่สามารถแยกความแตกต่าง สามารถแลกเปลี่ยนหรือทดแทนกันได้ เช่น เรายืมเหรียญ 1 บิทคอยล์จากเพื่อนไป ตอนเอามาคืนก็เอา 1 เหรียญบิทคอยล์จากที่ไหนมาคืนเพื่อนก็ได้
ในขณะที่ NFT ‘Non-Fungible Token’ กล่าวคือ มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่สามารถทำซ้ำ หรือทดแทนกันได้ ถ้าในโลกความเป็นจริงก็อาจสังเกตได้จาก หนังสือการ์ตูนโดราเอมอนผลิตขึ้นเล่มแรกที่มีลายเซ็นนักเขียน ที่ดินในเขตหนึ่งของกรุงเทพฯ แต่ในโลกดิจิทัลอาจเทียบได้ว่าเป็นรูปศิลปะแบบ digital painting ของศิลปินชื่อดังที่เซ็นกำกับไว้แล้ว มีรูปเดียวในโลก จึงกล่าวได้ว่า NFT เป็นนวัตกรรมที่บ่งชี้ว่าเราสามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นได้แต่เพียงผู้เดียว ไม่เฉพาะเท่านี้ในอนาคตสิ่งของที่ไม่อยู่ในรูป
NFT ถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี 2012 โดย NFT ส่วนใหญ่นั้นจะถูกสร้างขึ้นบนเหรียญ Ethereum โดยใช้มาตรฐาน ERC-721 และ ERC-1155 ซึ่งสินทรัพย์ที่นำมาทำ Token นั้นอาจจะเป็นสินทรัพย์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวอยู่แล้ว เช่น การ์ดเกม งานศิลปะ ของสะสม หรือแม้กระทั่งชื่อเสียงของศิลปินเอง
ตัวอย่างข้อมูลดิจิตอลที่ขายเป็น NFT
รูป ‘Disaster Girl’ หรือ ‘เด็กสาวมหันตภัย’ เป็นรูปของ โซอี รอธ (Zoe Roth) วัย 4 ขวบ ถูกพ่อเธอถ่ายไว้เมื่อ มกราคม 2005 ขณะยืนยิ้มเยาะอยู่หน้าบ้านที่เกิดไฟไหม้ และเมื่อภาพนี้ถูกเผยแพร่สู่โลกอินเทอร์เน็ตก็กลายเป็นไวรัลดัง ปัจจุบันเธอมีอายุ 21 ปี และได้กลับมาแสดงความเป็นเจ้าของภาพดังกล่าว โดยเธอได้ขายต้นฉบับรูปดังกล่าวในรูปแบบ non-fungible token (NFT) ในราคาสูงถึง 458,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
Jack Dosey ประกาศประมูลทวีตแรกของเขา “Just set up my twittr” ในรูปแบบ ‘สินทรัพย์ดิจิทัล NFT’ และปิดการประมูลที่ราคา 2.9 ล้านเหรียญ โดยผู้ชนะการประมูลคือ Sina Estavi นักธุรกิจในประเทศมาเลเซีย โดยให้เหตุผลว่าทวีตแรกนั้นมีมูลค่ามหาศาลเปรียบเสมือนรูปโมนา ลิซ่าของศิลปิน ลีโอนาร์โด เดอ ดาวินชี
ศิลปินคนหนึ่งชื่อว่า Mike Winkelmann เขาขาย NFT ของภาพ Digital ที่เขาสร้างขึ้นชื่อว่า “Everydays – The First 5000 Days” (Digital หรือไฟล์ .jpg, .png ที่เราคุ้นเคย) ที่มีมูลค่าถึง 69.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ! ภาพเป็นเพียงแค่การปะติดปะต่อรูปภาพในชีวิตประจำวันของศิลปิน Beeple ติดต่อกัน 5,000 วัน แต่ก็ได้รับความสนใจล้นหลาม เพราะคนให้คุณค่ากับความตั้งใจของศิลปิน หรือมองว่าไม่มีใครถ่ายรูปได้เหมือนกับศิลปินคนนี้
ข้อสังเกตคือ ทางคนซื้อจะไม่ได้เป็นเจ้าของภาพนี้จริงๆ แต่เป็นเจ้าของสิทธิ NFT ของภาพนี้อย่างเป็นทางการ และไม่มีใครสามารถมาแอบอ้างได้ ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ เพราะระบบ blockchain บันทึกไว้แล้วและแฮกไม่ได้ และเจ้าของก็สามารถนำสิทธินี้ไปขายได้ต่อในอนาคต หากว่าราคาของภาพนี้ปรับตัวสูงขึ้น
ซึ่งตอนนี้มี NFT ของของสะสมหลายอย่างที่มีมูลค่าทะลุหลายล้านไปแล้วและกำลังเป็นสินทรัพย์ที่มีเทรนด์ร้อนแรงที่สุดในโลก
Non-Fungible Token หรือ NFT นั้นทำให้เราสามารถใช้งาน Blockchain ได้หลากหลายกว่าที่เคยคิดไว้ว่าจะใช้แค่การชำระสินค้า โดยทำให้ของสะสม งานศิลปะ หรือสินทรัพย์ที่มีคุณค่าต่างๆ สามารถถูกซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ ยังช่วยเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ จนเกิดโอกาสในการลงทุนให้กับนักลงทุนได้อีกด้วย หลังจากนี้เราคงจะได้เห็นการประยุกต์ใช้ NFT ในหลากหลายวงการมากขึ้นในอนาคต