
Elon Musk กับ SpaceX กำลังจะทำให้มนุษยชาติของเราได้ก้าวกระโดดไปอีกขั้น และเรากำลังเข้าใกล้สู่การไปใช้ชีวิตที่ดาวอังคารมากขึ้น
วันที่ 31 พ.ค. 2020 จรวด Falcon 9 ในโครงการ SpaceX ของอีลอนได้สร้างประวัติศาสตร์โดยการพานักบินอวกาศของนาซ่า 2 คนเดินทางมุ่งหน้าไปที่สถานีอวกาศนานาชาติ และได้กลายเป็นจรวดพาณิชย์ของเอกชนลำแรกที่พามนุษย์ขึ้นสู่อวกาศได้สำเร็จ และเปิดการเปิดโฉมหน้าใหม่ของการเดินทางในอวกาศ ถึงขนาดที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องเดินทางไปชมการปล่อยจรวดด้วยตัวเอง

แม้ทางทรัมป์จะยังมีศึกรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นกับจีนหรือเหล่าผู้ประท้วงในประเทศ แต่
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยืนยันว่าต้องมาเข้าร่วมการปล่อยจรวดให้ได้ เพราะมันเป็น “ก้าวที่สำคัญสำหรับประเทศชาติ” โดยตัวทรัมป์เองนั้นได้กล่าวชื่นชมอีลอน มัสก์ และยอมรับว่าอุตสาหกรรมอวกาศเชิงพาณิชย์นี้คือ อนาคตของ มนุษยชาติ

ความรู้สึกของ Elon Musk หลังจากที่บริษัท SpaceX ได้ยิงจรวดขึ้นไปและงานที่ต้องพาบรรดานักบินอวกาศกลับโลก เขาได้บอกความรู้สึกหลังจากที่จรวดได้ยิงออกไปแล้วประสบความสำเร็จว่า ผมนั้นท่วมท้นไปด้วยอารมณ์อย่างมากในวันนี้ บอกตรงๆเลยนะว่ามันค่อนข้างยากที่จะบอกออกมาเป็นคำพูดนะ ผมใช้เวลา 18 ปีในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายนี้และมันยากมากที่จะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น นี่เป็นก้าวแรกแห่งการเดินทางไปสู่อารยธรรมบนดาวอังคาร ชีวิตที่จะได้ใช้อยู่บนดาวหลายๆดวง ฐานทัพบนดวงจันทร์และการขยายฐานทัพออกนอกโลก
จรวด Falcon 9 พร้อมนักบินอวกาศรอเบิร์ท เบห์นเคน (Robert Behnken) และดักกลาส เฮอร์ลีย์ (Douglas Hurley) ทะยานขึ้จากฐานปล่อยที่ศูนย์อวกาศ Kennedy ของรัฐฟลอริดาเพื่อเดินทาง 19 ชั่วโมงไปยังสถานีอวกาศ ISS การปล่อยจรวดจากฐานดำเนินไปอย่างราบรื่น ท่ามกลางท้องฟ้าที่สดใสและการลุ้นระทึกของชาวโลกที่เฝ้าดูการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ
แต่เขาได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ยานที่ยิงไปนั้นยังไม่ได้ต่อเข้ากับสถานีอวกาศทีและแน่นอนว่า พวกเราต้องนำมันกลับมายังโลกอย่างปลอดภัยและพวกเราต้องทำภารกิจเหล่านี้ซ้ำๆกันอีกจนมันกลายเป็นปรากฎการณ์ทั่วไป ดังนั้นยังมีงานอีกมากที่ต้องทำแต่นี่มันสุดยอดมาก มันเป็นสิ่งที่ผมคิดว่า มนุษย์ชาติควรจะตื่นเต้นและภาคภูมิใจ
