หลังการเกิดของบริษัท Tesla โลกยานยนต์ก็ถูกการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบ หรือในยุคนี้เรียกกันว่า ดิสรับชัน (Disruptiuon) ไม่ต้องคาดเดาเลยว่าในที่สุดรถไฟฟ้าจะต้องมาแทนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบเผาใหม้ภายใน(รถยนต์ใช้นํ้ามัน) ดูเพิ่มเติมได้ที่ รถ EV กำลังจะครองโลก แต่การมาของเทสล่าทำให้การทดแทนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกหลายสิบปีเป็นจริงในวันนี้
แล้ว Tesla คือใคร
Tesla Motors, Inc. คือบริษัทผู้ผลิตรถไฟฟ้า EV (Electrical Vehicle) ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 โดย Martin Eberhard และ Marc Tarpenning สองนักธุรกิจอเมริกันที่อยากจะพัฒนารถสปอร์ตซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ที่เร็วกว่า ประหยัดกว่ารถที่ใช้น้ำมัน หลังจากนั้นอีกหนึ่งปี ทั้งสองคนได้ชักชวน Elon Musk ให้เข้ามาร่วมลงทุนด้วย และเขาตัดสินใจลงเงินกับ Tesla กว่า 30 ล้านเหรียญ และเข้ามาเป็นประธานบริษัทในปี 2004
รถไฟฟ้าคันแรกของบริษัทเทสล่า Tesla Roadster ออกมาในปี 2008 หลังจากนั้นจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่ Tesla ส่งมอบแต่ละปี
ปี 2012 จำนวน 2,600 คัน
ปี 2013 จำนวน 22,477 คัน
ปี 2014 จำนวน 32,000 คัน
ปี 2015 จำนวน 50,580 คัน
ปี 2016 จำนวน 76,200 คัน
ปี 2017 จำนวน 103,097 คัน
ปี 2018 จำนวน 245,240 คัน
ปี 2019 จำนวน 367,500 คัน
งานเปิดตัวการส่งมอบรถยนต์ Tesla Model 3 ในประเทศจีนล่าสุด ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีในขณะที่ตอนนี้โรงงานที่จีนสามารถผลิต Model 3 ที่ 1,000 คัน ต่อสัปดาห์ จะสามารถเพิ่มกำลังผลิตได้เป็น 3,000 คัน ต่อสัปดาห์ ตามแผนการนั้น โรงงาน Shanghai Giga จะมีกำลังการผลิตที่ราว 200,000 คัน/ปี ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลจีนยังอุดหนุนเพิ่มเติมสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า สามารถหั่นราคารถรุ่น Model 3 ลงได้อีก 16% (โดยเทสล่าเป็นค่ายแรกของประเทศ ที่ประเทศจีนอนุญาตให้เอกชนตปท.ถือหุ้นได้ 100% ไม่ต้องมีบริษัทฯหรือคนในประเทศถือหุ้นด้วย และ GigaFactory สร้างเสร็จ 358 วันเท่านั้น)
ราคาหุ้นของ Tesla เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในรอบ 5 ปี แสดงถึงความเชื่อมั่นในบริษัท แม้ว่าบริษัทจะเข้าตลาดหลักทรัพย์อเมริกาในปี 2010 แต่ก็ขาดทุนทุกปี
ปี 2017 รายได้ 11,759 ล้านเหรียญ ค่าใช้จ่าย 13,720 ล้านเหรียญ ขาดทุนสุทธิ 1,961 ล้านเหรียญ
ปี 2018 รายได้ 21,461 ล้านเหรียญ ค่าใช้จ่าย 22,437 ล้านเหรียญ ขาดทุนสุทธิ 976 ล้านเหรียญ
ในหุ้นเทสล่านั้น นักลงทุนให้ความสำคัญกับอนาคตของบริษัทมากกว่าผลกำไรขาดทุนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แม้บริษัทจะขาดทุนต่อเนื่อง แต่ Tesla ก็มียอดขายเพิ่มขึ้นทุกปีแบบก้าวกระโดดและ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนสูงมากในช่วงต้น แต่ถ้ายอดขายที่มากขึ้นในปริมาณนี้และอนาคตรถ EV ที่สดใส ซึ่งในปัจจุบันมีคนใช้รถไฟฟ้าเพียงแค่ 1% เท่านั้น ยังมีโอกาสให้เติบโตอีกมาก การที่ผลิตรถมากขึ้นต้นทุนจะถูกลงจาก economy of scale ซึ่งในอนาคตจะมีกำไร Tesla จึงเป็นหุ้นที่นักลงทุนเข้าซื้อโดยให้ความสำคัญกับอนาคตอย่างมาก ซึ่งมูลค่าตามราคาตลาดของ บริษัท tesla ที่เข้ามาตลาดหลักทรัพย์เพียง 10 ปี อยู่ที่ 9,696 พันล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้าบริษัท Ford motor ที่ 3,683 พันล้านเหรียญสหรัฐ
สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับเทสล่าและรถไฟฟ้า EV ลองเข้าไปดูที่ https://www.facebook.com/teslathai